วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

ดรุณี 2

ยัยตู่ชูมันแล้วหัวเราะบอกว่า คนทำไอ้นี่อุตริดี เธอพูดจบก็เดินไปเปิดหนังเพื่อเร่งเร้าความต้องการของพวกเราขึ้นมา


หลังดูหนังไปสักพัก ยัยตู่เองก็ตบะแตกก่อน เธอเริ่มใช้มันถูไถร่างกายของตนเองก็เปลื้องผ้าออกจนหมดพร้อมนำมันเข้าสู่ ร่างกายท่ามกลางความตื่นตะลึงของยัยต้อมและดิฉัน

ยัยตู่เพลิดเพลินจนลืมไปว่า มีเพื่อนจ้องมองการกระทำของเธออยู่  เสียงครวญครางของเธอทำให้ดิฉันร้อนผ่าวไปทั่วร่างกาย ยัยตู่ใช้เวลาเกือบ 5 นาทีก็บรรลุเป้าหมายที่เธอต้องการ ก่อนยื่นเจ้าของเทียมส่งมาให้ดิฉัน 

ดิฉันรู้สึกกระดากรีบส่งต่อให้ยัยต้อม เธอรับมาดูนิดเดียวก็ลองใช้มันทันที

ยัยต้อมก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ายัยตู่ ทันทีที่มันเข้าสู่ร่างกาย  เธอก็ปล่อยอารมณ์เต็มที่

หากเจ้าสิ่งนั้นมันมีชีวิตมันคงให้ความสะใจเพื่อนดิฉันมากไปกว่านี้  เพียงแค่อึดใจเพื่อนคนที่สองของดิฉันก็สาสมใจไปเช่นกัน

ยัยต้อมยื่นส่งมาให้ดิฉันใช้มันเป็นคนสุดท้าย ดิฉันส่ายหัวปฏิเสธ ยัยตู่เลยถลึงตาใส่พร้อมกับพยักหน้าให้ยัยต้อม ก่อนที่ทั้งคู่จะจับดิฉันถอดผ้าจนหมด 

ยัยตู่ขู่บอกให้ดิฉันนอนเฉยๆ พร้อมกดแขนดิฉันไว้  ส่วนเพื่อนอีกคนก็จับดิฉันถ่างขาออก

เธอค่อยๆ ใส่เบาๆ ก่อนหมุนมันเหมือนช่างใช้ไขควงกำลังขันนอต ดิฉันรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อยัยต้อมเริ่มชักมันเข้าออกถี่ขึ้น  ดิฉันถึงกับสะดุ้งเกิดอาการเกร็งสุดตัวต้องแอ่นร่างดุจสะพานโค้งเข้าต่อต้าน เจ้าสิ่งนั้นอย่างเต็มที่

เพื่อนดิฉันสองคนรู้งาน เธอจับร่างดิฉันแน่น อีกคนก็เร่งการทำมืออย่างรวดเร็วจนดิฉันหน้าบูดเบี้ยวหวีดร้องออกมาลั่นห้อง ก่อนระเบิดอารมณ์อย่างสุขสันต์เต็มที่

ดิฉันนึกถึงเรื่องนี้แล้ว รู้สึกคิดถึงเพื่อนสองคนขึ้นมาทันที  สิบกว่าปีแล้วที่เราไม่ได้พบกัน ยัยตู่เพิ่งเขียนจดหมายมาหาดิฉัน จดหมายเธอเขียนแบบเดาสุ่มเพราะไม่มั่นใจในที่อยู่เดิม

ดิฉันจากเพื่อนทั้งสองมาใช้ชีวิตต่างจังหวัดหลายปี หลังจากที่แต่งงานทำการค้าต่างจังหวัดก็ไม่เคยติดต่อใครเลย

ยัยตู่ทิ้งเบอร์โทร.ไว้ในจดหมาย เมื่อดิฉันโทร.กลับไป เธอดีใจมาก เธอเล่าว่า เธอกับยัยต้อมยังไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

ยัยต้อมมีแฟนรุ่นเดียวกัน ทำงานค้าขายเช่นกัน ส่วนตัวยัยตู่ทำงานบริษัทเรื่อยเปื่อย

หลังคุยกันสักพักยัยตู่ก็ชวนให้ดิฉันมาเที่ยวกรุงเทพฯ เธอบอกให้ดิฉันมาพักที่คอนโดเธอได้เลย

ดิฉันจึงเคลียร์งานช่วงสุดสัปดาห์ก่อนขอแฟนมาเที่ยวกรุงเทพฯ เพื่อมาเจอเพื่อนเก่า เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร

แรกเจอยัยตู่ ดิฉันยอมรับว่า เพื่อนดูสวยขึ้นมาก  เธอแต่งตัวทันสมัย แต่งหน้าแต่งตาตลอดเวลา แต่แล้วยัยตู่ก็แจ้งข่าวร้ายว่า ยัยต้อมเพิ่งเลิกกับแฟนเพราะจับได้ว่า แฟนเธอมีคนอื่น แถมยังคบหากับแฟนเก่าอีก

ยัยต้อมหนีมาพักกับยัยตู่หลายวัน แฟนก็ไม่มาง้อจึงเลิกกันเด็ดขาด

ดิฉันเห็นเธอซึมจึงช่วยกันปลอบ สุดท้ายยัยตู่จึงชวนเราไปเที่ยวผับ หาความสำราญเหมือนวัยรุ่น

ยัยต้อมเริ่มตัดใจอะไรได้ เธอถึงกับลั่นปากว่า เธอจะเศร้าซึมอีกต่อไป เธออยากจะทำอะไรให้เป็นอิสระ ไม่แคร์ใครอีกต่อไปแล้ว

ยัยตู่ชูนิ้วโป้งให้ บอกว่า มีแฟนแล้วยุ่งยาก ทำตัวแบบเธอสบายกว่า

คืนนั้นเพื่อนสาวสองคนพาดิฉันไปเสริมสวยก่อนออกไปเที่ยวกลางคืน

ดิฉันรู้สึกแปลกๆ เมื่อส่องมองกระจกก็รู้สึกว่า ตัวเองดูดีขึ้นและยอมรับว่า หลายปีมานี้ดิฉันมีแต่งานจนลืมตัวเองไป

เพื่อนสาวสองคนยังชมว่า ดิฉันดูดีกว่าพวกเธอ เพราะเป็นคนสูงอยู่แล้ว

ดิฉันก็เห็นเพื่อนแต่งตัว แต่งหน้าแล้วยอมรับว่า พวกเธอก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน

ยัยตู่ผมยาวสลวยหุ่นดี ใบหน้าสวยคิ้วคมเข้ม ส่วนยัยต้อมผิวพรรณดีมาก แม้จะตัวเล็กแต่ก็สวยเหมือนสาวญี่ปุ่น

พวกเราสามคนกลายเป็นจุดเด่นของหนุ่มหลายคนที่เข้ามารุมจีบขอเบอร์  ยัยตู่ที่เก๋าประสบการณ์พยายามเฟ้นคนที่เหมาะสมให้นั่งโต๊ะด้วย ใครที่ดูน่ารังเกียจเธอจะปฏิเสธในทันที

จนกระทั่งช่วงดึกมีหนุ่มสองคนเข้ามาคุยด้วย  ดิฉันสังเกตเห็นว่า เขายังดูอ่อนวัยมาก แต่คำพูดคำจาดูดีเป็นผู้ใหญ่

พวกเขาแนะนำตัวคนหนึ่งชื่อ  โก้ อีกคนชื่อ เปี๊ยก

หลังคุยกันสักพักก็รู้ว่า เขาสองคนอ่อนกว่าพวกเราหลายปี  ยัยตู่แอบกระซิบดิฉันว่า เธอชอบกินเด็ก จะช่วยให้เธอกระชุ่มกระชวยเหมือนเป็นวัยรุ่นอยู่เสมอ

''สองคนนี้ดูดีไหม?'' เธอหันมาถามความเห็นดิฉัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น