วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ดูกันนะครับน่าดู

8 จุดฮิตที่ผู้หญิงอยากทำให้เหมือนดารา

เปิด "8 จุด" ยอดฮิต "ดาราเกาหลี" ที่คนแห่ไปอ้อนหมอ ช่วยผ่าให้เหมือนหน่อย 
"เกาหลีใต้" ได้ ชื่อว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ผู้หญิงนิยมเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมความงามสูง สุด หากคุณได้มีโอกาสไปเดินบนถนนที่กรุงโซล จะพบว่าร้านศัลยกรรมเสริมความงามเปิดเรียงรายเป็นทิวแถวราวกับดอกเห็ด เทียบได้กับปริมาณร้านทำผมในบ้านเราเลยทีเดียว และการทำศัลยกรรมหน้า ตา ก็เป็นที่ยอมรับว่านิยมมากในหมู่นักแสดงทั้งหญิงและชาย อย่างไรก็ตามก็ยังมีดารานักแสดงอีกหลายคนที่ได้รับการยอมรับว่าสวย " ตามธรรมชาติ" มิได้ผ่าน "มีด" หมอแต่อย่างใด สื่อเกาหลีเลยลองสำรวจตามร้านศัลยกรรมพลาสติก เหล่านี้ดูว่า มีส่วนไหนของร่างกาย "ดารา" ที่ผู้คนชื่นชอบ และนิยมไปผ่าตัดเลียนแบบ เพื่อให้สวยอย่างเธอๆ เหล่านั้นกันบ้าง เริ่มจาก... 
  

1. ตา - "คิม แต-ฮี" 
ดวง ตาของ "แต-ฮี" ได้รับการโหวตจากร้านเสริมความงามว่า สาวๆ นิยมไปขอทำดวงตาสวยหวานเยิ้มแบบเธอมากที่สุด เนื่องจากเป็นดวงตาที่กลมโต สดใส และยังรู้สึกสดชื่นเมื่อแรกพบอีกด้วย ร้านเสริมความงาม "เจียนอิน-ซึน" กล่าวว่า ความงามของดวงตาจะต้องโต สดใส และตาดำจะต้องใหญ่และสดชื่นอยู่เสมอด้วย ที่สำคัญที่สุดคือมันต้องสัมพันธ์ไปกับรูปหน้าด้วย ซึ่ง คิม แต-ฮี มีองค์ประกอบครบในเรื่องนี้  การผ่าทำตา 2 ชั้น ดูจะเป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้หญิงจะตัดสินใจทำ และค่อนข้างเป็นที่นิยมสูงในเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามนอกจากการทำตา 2 ชั้นแล้ว เมื่อๆ เร็วนี้ก็ได้มีการผ่าตัดเปลี่ยนรูปทรงตาเพิ่มเข้ามาอีกด้วย 
  
  
2. จมูก - "ฮัน กา-อิน" 
แม่ มดสาว "ฮัน กา-อิน" ได้รับการโหวตว่ามีผู้อยากทำจมูกโด่ง สวยแบบเธอมากที่สุด นอกจากนั้นตัวเลือกอื่นๆ ก็อย่างเช่น จุน จี-ฮุน, ซอง เฮย์-เคียว, ชิม อึน-ฮา, ลี เฮียว-ลี และ มิน เฮียว-ริน ร้านเสริมความงาม "วัง จี-ฮูน" เปิดเผยว่า ลูกค้าจำนวนมากอยากทำจมูกโด่ง เป็นสันเหมือน กา-อิน ซึ่งทั้งคมและโด่งได้รูป อย่างไรก็ตามจมูกที่สวยก็ต้องไปด้วยกันกับใบหน้าที่สวยด้วย "เปรียบได้กับหอไอเฟลจะไม่งดงามเลย ถ้ามันอยู่กลางทะเลทราย" 
  

3. ปาก - "ซอง เฮย์-เคียว" 
ดารา สาวเจ้าบทบาท "ซอง เฮย์-เคียว" ได้รับการโหวตสูงสุด ทั้งนี้เจ้าตัวเองก็เซ็นสัญญาเป็นนางแบบให้กับผลิตภัณฑ์ความงามมากมาย อาทิ Laneige Innisfre และด้วยริมฝีปากอิ่มเอิบของเธอก็ยังเขย่าหัวใจหนุ่มๆ หลายคนได้อีกด้วย ส่วนตัวเลือกรองลงมา ได้แก่ อิม ซู-เจียง ซึ่งมีริมฝีปากที่สวยได้รูปเช่นกัน ร้านเสริมความงาม "ชิน มุน-ซิก" กล่าวว่า ริมฝีปากที่สวยจะต้องอิ่มเอิบ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป และจะต้องมีสีแดงสดใส ซึ่งริมฝีปากของ เฮย์-เคียว มีครบหมดในเรื่องนี้ ริมฝีปากที่บางและมีรอยหย่นมากเกินไป จะต้องได้รับการผ่าตัดเสริมให้อิ่มเอิบขึ้น 
  

4. ใบหน้า - "คิม แต-ฮี" 
อีก แล้วกับ "คิม แต-ฮี" ร้านเสริมความงาม "โจ อุล-แจ" บอกว่า แต-ฮี มีโครงหน้าที่เล็กได้รูป ตั้งแต่หน้าผากซึ่งรับกับคิ้ว มีคิ้วที่รับกับจมูก และมีจมูกที่รับกับโหนกแก้ม เรียกได้ว่าทั้งใบหน้าของเธอเป็น "อัตราส่วนทอง" คือแม้ว่าคุณจะมีขนาดใบหน้าที่เล็ก แต่ถ้าสัดส่วนไม่ลงตัวก็จะทำให้หน้าดูใหญ่ได้ ในกรณีอย่างนี้แทนที่จะทำการเหลากระดูกให้แหลม คุณสามารถที่จะใช้ไขมันปรับแต่งรูปหน้าได้ ใบหน้าที่ได้สมดุลย์ก็จะเกิดขึ้น เราเรียกวิธีการอย่างนี้ว่า "Face Remodeling" 



5. ผิวพรรณ - "โก ฮยุน-เจียง" 
แม้ ว่าอายุจะเข้าสู่เลขสามแล้ว แต่ "โก ฮยุน-เจียง" ก็ยังได้รับการยกย่องว่ามีผิวพรรณที่ผุดผ่องงดงาม ส่วนตัวเลือกอื่นๆ อาทิ ฮา ยู-มิ ซึ่งได้รับความนิยมสูสีกันมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามระบุว่า "ฮา ยู-มิ และ โก ฮยุน-เจียง มีสุขภาพผิวที่ดี แม้ว่าอายุขนาดนั้นแล้ว และเป็นผิวพรรณที่ขาวสะอาด ทั้งนี้ในช่วงอายุ 20 และ 30 ปี ความตึงของผิวจะหย่อนลง แต่อายุอย่างนี้กลับไม่มีผลแต่อย่างใดเลยกับนักแสดงทั้ง 2 คน เพราะทั้งคู่ยังมีผิวที่อายุเหมือนกับคนวัย 20 ยังไงอย่างนั้น" 



6. รูปร่างและหลัง - "จุน จี-ฮยุน" 
นัก แสดงสาว จุน จี-ฮยุน ได้รับความนิยมสูงสุด แต่เธอก็มีคู่แข่งที่ได้รับการโหวตในคะแนนสูสีกันด้วย ทั้งฮัน แช-ยอง, ฮยุน-เยียง, และ ฮัน-เยียง ต่างก็ได้รับการโหวตว่ามีรูปร่างที่เพอร์เฟ็คไม่แพ้กัน แต่ที่ทำให้ จี-ฮยุน ชนะขาดลอยก็คือ แผ่นหลัง ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเธอมีแผ่นหลังที่งดงามที่สุด ร้านเสริมความงาม "คิม เซียง-มิน" กล่าวว่า จี-ฮยุน มีโครงร่างที่สวยงามไปหมด เส้นสะโพกของเธอแฝงความน่ารักที่พิเศษ และมีเส้นร่างกายที่เพอร์เฟ็คทั้งนั้น อัตราส่วนของรูปร่างที่ดีจะต้องมีขนาดของเอวเป็น 70% ของสะโพก และถ้าพิจารณาสัดส่วนโดยทั่วไปแล้วก็เป็นธรรมดาที่หากมีรูปร่างที่ดี ก็จะมีแผ่นหลังที่สวยงามเช่นเดียวกัน 
  
  
7. หน้าอก - "คิม เฮย์-ซู" 
นัก แสดงสาวผู้สง่างาม "คิม เฮย์-ซู" ได้รับการโหวตมากที่สุดว่ามีหน้าอกที่งดงาม ส่วนคู่แข่งตัวฉกาจ ได้แก่ ลี เฮียวริ ร้านเสริมความงาม "มุน เฮย์-ยอง" บอกว่า มันยากที่จะบอกว่าหน้าอกแบบไหนที่สวย แต่โดยทั่วไปก็คือจะต้องเฟิร์มและมีรูปทรงกรวยสวยงาม และหัวนมจะต้องมากกว่า 1 เซ็นติเมตร วางอยู่เหนือยอดอก ที่สำคัญคือตัวเต้านมจะต้องไม่เคลื่อนย้ายตำแหน่ง จุดสังเกตอีกอย่างคือเมื่อเวลาที่นอนราบหน้าอกจะต้องไม่ไหลย้อยลงไป (โอ้ว...คุณขา บรรยายละเอียดไปไหมค่ะ) ซึ่งนักแสดงทั้งสองผ่านฉลุยในเงื่อนไขนี้ 
  

8. สะโพก - "ฮัน แช-ยอง" 
เป็น ที่รู้กันดีว่า ฮัน แช-ยอง มีรูปร่างที่งดงาม แต่สิ่งที่สวยมากกว่านั้นและทำให้เธอได้รับการโหวตก็คือ สะโพกที่ได้รูป ร้านเสริมสวย "ชิน กึน-ชิก" กล่าวว่า ฮัน แช-ยอง มีรูปร่างที่ดี โดยเฉพาะในช่วงกลางลำตัวเธอที่ทั้งสะโพกกลมกลึง และเรียวขาที่งดงามรับกันได้อย่างเหมาะเจาะ นอกจากนี้เธอยังมีแผ่นหลังที่สวยงามอีกด้วย เรียกได้ว่าเธอดูแลเรือนร่างของเธอเป็นอย่างดี แม้ว่าจะแต่งงานแล้วก็ตาม 

ภาพถ่ายโดยพระบรมราชานุญาต ร.4-ร.5


  
  
ฉาย ณ เกย พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พระบรมมหาราชวังในการพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกของสยามประเทศ เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2433 
  
 
พระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยืนหันพระปฤษฎางค์ให้กล้องในการพระ ราชพิธีโสกันต์ ณ เขาไกรลาส ในสวนขวา พระบรมมหาราชวัง มีน้ำตกบ่อน้ำ และสัตว์ส่วนหนึ่ง ที่มีคติความเชื่อว่าอยู่บนเขาไกรลาส ในป่าหิมพานต์ คือ ม้าราชสีห์ ช้าง และ โค สัตว์เหล่านี้หล่อด้วยโลหะและมีน้ำพุ่งออกจากปาก เพื่อสรงน้ำพระราชโอรส พระราชธิดาที่ทรงรับพระราชทานโสกันต์ เมื่อปี พ.ศ.2433 


ช้าง ต้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีปกกระพองและภู่ขนจามรีห้อยหน้าหู พร้อมผ้าเยียรบับคลุมหลัง มีควาญคอและควาญท้าย ขณะเดินอยู่ในสวนสราญรมย์ ประมาณ พ.ศ.2411 


  
ภาพ มุมสูงในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2429 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการพระราชพิธีมหาพิไชยมงคล ลงสรงสนานรับพระปรมาภิไธย ในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพระราชกุมารพระองค์ใหญ่ (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ) 

     
สนามหลวงและวัดพระแก้ว 
  

  
พระราชวัง บางปะอินได้ก่อสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยเกาะกลางน้ำ มีสะพานลักษณะหลากหลาย เป็นทางเดินเชื่อมฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เช่น สะพานไม้ ที่ออกแบบให้เป็นลูกคลื่น เป็นที่พอพระทัยของเจ้านายองค์เล็กๆ เมื่อปี พ.ศ.2433 


ส่วน หนึ่งของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม บริเวณปราสาทพระเทพบิดร พระมณฎปซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระไตรปิฎก และพระศรีรัตนเจดีย์ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พ.ศ.2423 
   

  
ซุ้ม ประตูยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม หรือ วัดแจ้ง มีทวาราบาลยักษ์ คือ ทศกัณฐ์ด้านซ้าย และสหัสเดชะด้านขวา ปี พ.ศ.2410 
 

สถานที่ทรงพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ขอนำท่านสู่เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเสตส์ สหรัฐอเมริกา
สถานที่ทรงพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช
  
Cambridge : Massachusetts : USA   

December 5 1927 
8:45 A.M 
 


Mount Auburn Hospital 
330 Mount Auburn Street, Cambridge, MA 02138

โรงพยาบาลเมาท์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตส์ สหรัฐอเมริกา
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก
และเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำชาร์ลส์ ( Charles River )
 


วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470 เวลา 08.45 นาฬิกา
ดร.ดับเบิลยู สจ๊วต วิทท์มอร์ (Dr. W. Stewart Whittemore) และคณะแพทย์
ได้ปฏิบัติภารกิจทางการแพทย์ที่สำคัญยิ่งครั้งหนึ่งของโลก
นั่นคือ ถวายการประสูติแด่หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา
หม่อมในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์
ซึ่งทรงประทับศึกษาวิชาการแพทย์ ณ มหาวิทยาฮาวาร์ด อันไม่ห่างจากโรงพยาบาลนัก

ภาพ เสด็จเยือนนครบอสตันและโรงพยาบาลเมาท์ ออเบิร์น เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2503
และทรงพบกับ ดร.ดับเบิลยู สจ๊วต วิทท์มอร์ รวมทั้งคณะพยาบาลที่ถวายพระประสูติกาลด้วย
ทรงพระราชทานของที่ระลึกแด่ ดร.วิทท์มอร์ มีข้อความด้วยว่า

To my first friend, Doctor Whittmore, with Affectionate regard
แด่มิตรคนแรกของฉัน ดร.วิทมอร์ ด้วยความระลึกถึงและรักใคร่


คณะพยาบาลโรงพยาบาลเมาท์ ออเบิร์น 4 ท่าน
ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงตลอดเวลาที่ทรงประทับอยู่ในโรงพยาบาล ปรากฏนามดังนี้

1. มิสซิส เลสลี่ เลห์ตัน 2. มิสซิส เจนนีเวยฟ เวลตัน
3. มิสซิส มาร์กาเลต เฟย์ 4. มิสซิส รูธ อาร์ริงตัน

 

ข้อความในสูติบัตรของโรงพยาบาลเมาท์ ออเบิร์น แปลได้ความว่า

      เข้าโรงพยาบาลวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1927 เวลา 8.45 น. ชื่อสงขลา ทารกชาย ที่อยู่ 63 ถนนลองวู้ดอเวนิว บรุกไลน์, แมสซาชูเซตต์ ศาสนาพุทธ นายแพทย์วิทท์มอร์ ผู้มาจดทะเบียน   มหิดลสงขลา จำนวนวันที่อยู่ในโรงพยาบาล 20 วัน ออกจากโรงพยาบาลวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1927 เวลา 10.45 น.
 


พระโอรสผู้ประสูติแต่หม่อมสังวาลย์ในครั้งนั้น บัดนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า
คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี
(พระองค์กลาง)

ดวงพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช


พระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงพระเยาว์
 

Mount Auburn Today.. 
 


ด้านหน้าโรงพยาบาลเมาท์ ออเบิร์น
 


พระบรมฉายาลักษณ์
ทรงมอบให้เป็นที่ระลึกแก่โรงพยาบาลเมาท์ ออเบิร์น สถานที่ทรงพระประสูติกาล
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่บนชั้นที่ 5
 


ข้อความใต้พระบรมฉายาลักษณ์
 


ชั้นที่ 5 ระบุ "The Birth Place" 
 



ป้าย มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เมืองเคมบริจจ์ รัฐแมสซาชูเสตส์
 



รูปปั้น จอห์น ฮาวาร์ด ผู้ริเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
ซึ่งนักศึกษานิยมมาเกาะที่รองเท้าของเขาเพื่อขอให้โชคดีทางการศึกษา
สังเกตรองเท้าด้านขวาจะสดใส เพราะมือนักศึกษาและนักท่องเที่ยวนับล้านที่สัมผัส
 


King Bhumibol Square 
จตุรัสภูมิพล ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเสตส์
ที่รำลึกถึงสถานที่ทรงมีพระประสูติกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


โฟกัส ชัดๆ
 


จารึก ณ ภูมิพลสแควร์
 


ข้อความบนจารึก ณ จตุรัสภูมิพล เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเสตส์
 

  
ประกาศ

 

โดยที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489

     โดยที่ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 9 การสืบราชสมบัติ ให้เป็นไปตามนัยแห่งกฎหมายมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 และประกอบด้วยความเห็นชอบของรัฐสภา

โดยที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นเจ้านายเชื้อพระบรมวงศ์ที่ร่วมพระราชชนนี ตามความในมาตรา 9 (8) แห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467

โดยที่รัฐสภาได้ลงมติ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 แสดงความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ในการที่จะอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไป ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 9

      จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ได้ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 เป็นต้นไป
     ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489

ปรีดี พนมยงค์ 
นายกรัฐมนตรี

 

Highlight ! 



ใครว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแต่เพลงแจ๊ส
แท้ที่จริงแล้วทรงเป็นหลายแนว แม้แต่กีร์ต้าโปร่งแบบคันที่ร็อคพระองค์ก็ทรงเอ๊กเปิร์ต
ถ้าเป็นอเมริกันก็ต้องระดับอีเกิ้ลส์เท่านั้น
 

ผมเอาแคเหราะมาฝาก อยากให้คุณแข็งแรง แก้มคุณจะได้แดง แดงเหมือนสีแคเหราะ...
ก่อนที่เพลง "เด็กดอยใจดี" จะดังนั้น
ใครบ้างจะรู้ว่า ผู้ที่นำแครอทมาเผยแพร่จนกลายเป็นเพลงนั้น
คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 

Long life the King ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน  

อีกครั้งกับ THE EAGLES แห่งตำนานเพลง HOTEL CALIFORNIA ( เพลงผี ที่ใคร ๆ นึกว่า เพลงรัก ;)


 THE EAGLES เป็นวงดนตรีคันทรี ร็อกที่โผล่ออกมาจากย่าน เวสต์ โคสต์ สหรัฐอเมริกานู้นน

เจ้าของผลงานเพลงร็อกคลาสิคและอมตะอย่าง HOTEL CALIFORNIA ที่หลายคนร้องท่อน "ฮุค" ได้กันอย่างแม่นยำ

ดิ อีเกิ้ลส์นั้นดังมากๆในบ้านเรา ไปที่ไหนๆก็ได้ยินแต่ TAKE IT EASY HOTEL CALIFORNIA ดังกระหึ่ม พอกับ เพลง HOLIDAY ของ SCORPIONS ที่กลายเป็นเพลงหากินของตลกคาเฟ่ไปแล้ว เรียบร้อยแร๊นส์

วงดนตรีไทย หลายวงก็พยายามจะเล่นดนตรีในแบบของ ดิ อีเกิ้ลส์ เช่น อิสซึ่น ในอัลบั้ม "บทเพลง" เพลงที่ชื่อ "เจ้าโต" นั่นก็ใชี่เลยมาจากเพลง HOTEL CALIFORNIA

รวมไปถึงวง อินคา ด้วยนะครับ

แกน หลักของ ดิ อีเกิ้ลส์ คือ มือกีตาร์ -เกลนน์ เฟรย์ (glenn Frey) และตอนเฮนลี (Don Henley) มือกลอง ซึ่งกลายเป็นคู่หูที่ร่วมกันสร้างตำนานให้กับวงได้อย่างยิ่งใหญ่

ทั้ง คู่ร่มกันก่อตั้งวงเมื่อปี 1971 พร้อมเพื่อนนักดนตรีฝีมือดีชั้นครูอีก 2 คน คือ เบอร์นี่ ลีดอน (Bernie Leadon) กีตาร์ และแรนดี ไมส์เนอร์ (Randy Meisner) เล่นเบสได้อย่างคุ้มค่าตัว

อัลบั้มแรกของวงชื่อ EAGLES ออกมาเมื่อปี 1972 เพลงดังเพลงแรกคือ TAKE IT EASY ปีถัดมาออกอัลบั้ม DESPERADO

ดิ อีเกิ้ลส์นั้นได้เว้นช่วงเพื่อพักผ่อนผลาญเงินแฟนเพลงอยู่ประมาณปีเศษ ปี 1975 พวกเขากลับมากับอัลบั้ม ON THE BORDER ซึ่งมีสมาชิกเข้ามาเสริมอีกคน คือ ดอน เฟลเดอร์ (Don Felder) มือกีตาร์ที่โซโลกีตาร์คลาสสิคในบทเพลง โฮเต็ล เวอร์ชั่นอคูสติคเมื่อปี 94 และแนวเพลงในชุดนี้ก็เพิ่มความเป็นร็อกมากขึ้น และในปีเดียวกันก็มีอัลบั้ม ONE OF THESE NIGHT ตามออกมาอีกเพื่อดูดเงินจากกระเป๋าของแฟนเพลงอย่างเมามันส์

ปี 1979 มาถึงจุดเปลี่ยนของวงอีกครั้ง เมื่อสมาชิก 2 คน คือ ลีดอน และไมสเนอร์ ปลีกตัวออกไป แต่ก็มีสมาชิกใหม่เข้ามาเสริมทีม คือ โจ วอล์ช (Joe Walsh) ในตำแหน่งมือกีตาร์ผมบลอน และทิโมธี บี.สมิดต์ (Timothy B.Schmidt) มือเบสผมยาวเชื้อสายอีนเดียนแดงที่มีซุ่มเสียงหวานซื้งซะเหลือเกิน เวลาเห็นแกร้องเพลงแล้วใจจะขาดจริงๆเลย เพราะแกบีบเสียงออกมาสุดๆเหมือนกันเรียกว่า ฟังไปลุ้นไป ซึ่งแกร้องออกมาได้ดีจริงๆ

และปีเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ปล่อยอัลบั้มยิ่งใหญ่ของโลกออกมานั่นคือ HOTEL CALIFORNIA เป็นอัลบั้มขายดีที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดของพญาอินทรีกลุ่มนี้ งามทั้งเนื้อหาและดนตรี

แต่หลังจากนั้น ดิ อีเกิ้ลส์ ก็เริ่มแตกแยกและสลายวงในที่สุด หลังทำงานชิ้นสุดท้ายออกมาอย่างเซ็งๆคือ THE LONG RUN

เมื่อวงแตก สมาชิกส่วนใหญ่ก็ออกไปทำเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น เกลน เฟรย์ ดอนเฮนลีย์ หรือแม้แต่ โจ วอล์ช และบี.สมิตต์

แต่ ที่ไปได้ดีเห็นจะมีแต่เฟรย์ เท่านั้น หลังๆยังหันมาเล่นหนังด้วย ใครเคยดู เจอร์รี่ แม็กไกวร์ จะเห็นเฟรย์แวบๆในตอนต้นและท้ายเรื่อง แสดงหน่อยนึง

ปี 1994 ดิ อีเกิ้ลส์ กลับมารวมตัวทำเพลงใหม่ในอัลบั้ม HELL FREE ZES OVER และออกทัวร์กันอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนนี้เฟรย์ยืนยันเด็ดขาดว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะมารวมกันอีก เพราะเกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับมือกลองนั่นเอง

แต่สุดท้ายก็ คลอดอัลบัมชุดดังกล่าวออกมาสำเร็จ และดูเหมือนจะทำได้ดีซะด้วยครับ ชุดนี้จัดว่าได้รับความนิยมจากแฟนเพลงเก่าๆ และ แฟนเพลงใหม่ๆ เป็นอย่างดี หลายท่านคงจะจำคอนเสริทครั้งนั้นได้ดี และมีดีวีดีการแสดงสดขายกันอย่างต่อเนื่อง

Hotel California       :            Artist : eagle

วิดีโอ  << ชม VDO ผ่านมือถือ คลิ๊กที่นี่ ^^

Artist : Eagles
Album : Hotel California
Title : Hotel California 

On a dark desert highway, cool wind in my hair
ในความมืดมิด บนถนนไฮเวย์แถบทะเลทราย
Warm smell of colitas, rising through the air
กลิ่นอบอวลของต้น COLITAS ลอยขึ้นสู่อากาศ
Up ahead in the distance, I saw a shimering light
ผมชูศรีษะขึ้นมากลางทาง(คล้ายๆชะเง้อมองละมั้ง) แลเห็นไฟสลัว
My head grew heavy and my sight grew dim,
ผมเริ่มรู้สึกมึนหัว และการมองเห็นก็เริ่มมัวลง
I had to stop for the night
ผมคงต้องหยุดพักสำหรับคืนนี้เสียแล้ว

There she stood in the doorway, I heard the mission bell
ที่นั่นมีหล่อนยืนอยู่ตรงทางเข้าา ฉันได้ยินเสียงกระดิ่งเรียก
And I was thinking to myself: this is could be heaven or this is could be hell
และผมก็พลันนึกขึ้นกับตัวเอง "มันอาจเป็นเสียงเรียกแห่งสวรรค์ หรืออาจจะเป็นเสียเรียกแห่งนรก"
Then she lit up a candle and she showed me the way
ทันใดนั้นเธอก็จุดเทียนไขขึ้นมา และบอกทางแก่ฉัน
There were voices down the corridor,
"เสียงของพวกเขาอยู่ทางใต้ระเบียงลงไป"
I thought I heard them say:
และผมก็คิดว่าผมได้ยินเสียงของพวกเขาว่า

Chorus :

Welcome to the Hotel California
"ยินดีต้องรับสู่โรงแรม Caliornia
Such a lovely place (such a lovely place), such a lovely face
ซึ่งเป็นดั่งสถานที่แสนรัก และรูปลักษณ์อันเป็นที่รัก
Plenty of room at the Hotel California
มีห้องมากมายที่โรงแรม California
Anytime of year (any time of year), you can find it here"
ทุกๆปี คุณสามารถพบมันได้ที่นี่"

Her mind is Tiffany twisted, she got the Mercedes Benz
ความสนใจของเธออยู่ที่ Tiffany twisted เธอขับรถ Mercedes Benz
She got a lot of pretty, pretty boys, that she calls friends
เธอมีผู้ชายหน้าตาดีมากมาย นั่นเธอกำลังโทรหาเพื่อนของเธอว่า
How they dance in the courtyard, sweet summer sweat
"จะเป็นอะไรไหม หากพวกเขาจะเต้นรำที่สนามหญ้า ท่ามกลางความหวานของฤดูร้อนและหยาดเหงื่อ
Some dance to remember, some dance to forget
สำหรับการเต้นบางครั้งเพื่อจดจำ และบางครั้งเพื่อที่จะลืม..."

So I called up the captain, "Please bring me my wine", He said
ดังนั้นผมจึงโทรไปหา กับตัน เขาพูดว่า
"We haven't had that spirit here since nineteen sixty-nine"
"เราไม่มีวิญญาณที่นี่ตั้งแต่ปี 1969 แล้ว
And still those voices are calling from far away
และเสียงร้องของพวกเขายังคง เรียกหาจากที่ๆแสนไกล
Wake you up in the middle of the night, just to hear them say:
เพื่อปลุกให้คุณตื่นตอนเที่ยงคืน แค่เพื่อฟังพวกเขากล่าวว่า..."

"Welcome to the Hotel California
"ยินดีต้อนรับสู่ โรงแรม California
Such a lovely place (such a lovely place), such a lovely face
ซึ่งเป็นดั่งสถานที่แสนรัก และดั่งโฉมหน้าอันเป็นที่รัก
They livin' it up at the Hotel California
พวกเขายังคงอยู่ที่นั่น ณ โรงแรม California
What a nice surprise (what a nice surprise), bring your alibis"
อะไรคือสิ่งยอดเยี่ยมที่น่าประทับใจ นำข้ออ้างคุณมา"

Mirrors on the ceiling, the pink champagne on ice, and she said
กระจกบนเพดานห้อง และแชมเปญสีชมพูบนน้ำแข็ง และเธอกล่าวว่า
"We are all just prisoners here, of our own device"
"พวกเราทั้งหมดเป็นเพียงนักโทษของที่นี่
And in the master's chambers, they gathered for the feast
และใน Master's Chamber พวกเขาต่างสะสมเพื่องานเลี้ยงอันใหญ่ยิ่ง
They stab it with their steely knives but they just can't kill the beast
พวกเขาแทงมันด้วยมีดเหล็กล้วของพวกเขาเอง แต่พวกเขากลับไม่สามารถฆ่าความชั่วร้ายได้.."

Last thing I remember, I was running for the door
สิ่งสุดท้ายที่ผมพอจำได้ คือฉันกำลังวิ่งไปยังประตู
I had to find the passage back to the place I was before
ผมต้องหากระเป๋าเดินทาง เพื่อกลับไปยังที่ที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้
"Relax," said the night man, "We are programmed to receive
"สบายใจเถิด" พนักงานกะกลางคืนกล่าว "พวกเรามีกำหนดการรองรับไว้เป็นที่เรียบร้อย
You can check out any time you like, but you can never leave"
คุณสามารถ Check out ออกจากที่นี่ได้ทุกเวลาที่คุณต้องการ

...แต่คุณไม่มีวันได้จากไป!!!!...."


สก๊อต ฟอเรฟเวอร์ยัง จับมือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ บีอีซี-เทโร จัดคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่ กับศิลปินระดับตำนานร็อคแอนด์โรล “อีเกิ้ลส์ ไลฟ์ อิน ไลฟ์ อิน แบ็งคอค” (EAGLES Live In Bangkok) ในวันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554 ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทอง ธานี

     ดิ อีเกิ้ลส์ (The Eagles) ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ เกลน เฟรย์ (Glenn Frey), ดอน เฮนรี (Don Henley) , โจ วอลช์ (Joe Walsh) และ ทิโมธี บี ชมิท (Timothy B. Schit) ได้รับการยกย่องให้เป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในศตวรรษด้วยผลงานเพลงยอดฮิตอย่าง “โฮเทล แคลิฟอร์เนีย” (Hotel California) และ “ไลอิ้ง อายส์” (Lyin Eyes) ผลงานอัลบั้ม แดร์ เกรทเทสฮิทส์ 71-75 (Their Greatest Hits 71-75) ของพวกเขาถูกจัดให้เป็นอัลบั้มขายดีตลอดกาลในสหรัฐอเมริกา และได้รับการจารึกสูงสุดจาก สมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา [the Recording Industry Association of America (RIAA)] ด้วยยอดขายแผ่นเสียงทองคำขาวถึง 29 ครั้ง ปี 2550 วงดิอีเกิ้ลส์ได้ปล่อยเพลงใหม่ “ลองโร้ดเอ้าท์ออฟอีเดน” (Long Road Our of Eden) ออกมา และทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตเอเรีย (ARIA) และได้รับแผ่นเสียงทองคำภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ นับเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่พวกเขาไม่ได้ออกผลงานมานานถึง 28 ปี ซึ่งไม่มีวงดนตรีไหนในประวัติศาสตร์ ที่ประสบความสำเร็จยาวนานขนาดนี้ นอกจากความสำเร็จด้านยอดขายแล้ว พวกเขายังกวาดรางวัลมานับไม่ถ้วนเช่นรางวัลแกรมมี (GRAMMY Awards) หลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งการได้จารึกชื่อในหอเกียรติยศร็อคแอนด์โรล (Rock and Roll Hall of Fame)

     ดิ อีเกิ้ลส์ เคยเดินทางมาเปิดการแสดงในเมืองไทยเมื่อปี 2547 กับคอนเสิร์ตใหญ่ 2 รอบที่บัตรคอนเสิร์ตเกือบ 2 หมื่นใบถูกจำหน่ายอย่างถล่มทลาย ในการกลับมาครั้งนี้ ความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ครั้งแรกแฟนเพลงของพญาอินทรีจะได้เต็มอิ่ม 3 ชั่วโมงไปกับผลงานเพลงแห่งประวัติศาสตร์ พร้อมระบบเสียงอันเยี่ยมยอด และโปรดักชั่นจากทีมงานฝีมือเก๋าระดับโลกที่จะไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น