วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ล้างห้องเครื่อง

ใครมีรถ มาล้างห้องเครื่องกันเองเถอะ ประหยัด ทำเองได้ ง่ายนิดเดียว

นัก แต่งรถอย่างเราๆ เรื่องดูแลความสะอาดรถสุดที่รัก นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งชีพ ภายนอกต้องสะอาด ภายในต้องหอมกลุ่น จะให้ล้างให้ขัดยังไงขอให้บอก แต่พอคิดถึงเรื่องจะล้างห้องเครื่องทีไร คิดแล้วคิดอีก บางคนบอกว่า เครื่องหัวฉีดห้ามโดนน้ำบ้าง ล้างแล้วจะทำให้เครื่องรวนบ้าง หรือเครื่องพังไปเลย (เรื่องนี้ผมไม่เถียง แต่เป็นการล้างที่ผิดวิธี) ให้ร้านล้างอัดฉีดเขาทำให้ดีกว่า ร้านที่ล้างดีก็ดีไป บางร้านบอกกลัวมีปัญหา แล้วจะล้างเอาไปเปิดโชว์สาวหรือพี่ (ย้อนให้อีก) แต่ที่แย่กว่า บางร้านบอกไม่มีปัญหารับประกันเอี่ยมแน่ ผลเอี่ยมจริงแต่วิ่งไม่ได้ สตาร์ทไม่ติด สะดุดรวนไปทั้งคัน แล้วมาบอกอีกว่าเครื่องพี่ไม่ค่อยดี สงสัยหัวเทียนบอด พอจะรื้อเปลี่ยนหัวเทียน แม่งปลาแทบอยู่ได้ น้ำเต็มๆเบ้าหัวเทียนเลย ก็พวกเอาเครื่องอัดฉีด เป่าน้ำเข้าไปเต็มๆขนาดนั้น ไม่เอี่ยมอย่างไงไหว กว่าจะซ่อมมาให้กลับมาเข้าที่เข้าทางได้ก็เป็นอาทิตย์ คราวนี้พวกเรา thaispeedcar มาดูกันครับว่า ถ้าจะล้างห้องเครื่องยนต์ ให้สะอาดเอี่ยม ปราศจากคราบฝุ่น คราบน้ำมัน สวยงาม เปิดเครื่องโชว์ได้ไม่อายใคร ตรวจเช็คปัญหาพวกเรื่องน้ำมันรั่วซึมได้ง่าย และไม่มีปัญหามีล้างอย่างไร และต้องระวัง

 

เตรียมอุปกรณ์ การทำความสะอาดล้างห้องเครื่อง
1. น้ำยาล้างเครื่องยนต์ หาซื้อได้ตามเชียงกง หรือร้านอะไหล่ ราคาไม่เกิน 500 บาท/แกลลอน (ส่วนยี่ห้อ ถ้าอยากได้ของดีจริงๆ ให้สังเกตดีๆตามในรูปนะครับ หลังจากที่ใช้มาเกือบทุกยี่ห้อในเชียงกง แต่แล้วก็ต้องกลับมายี่ห้อเดิม ก็คุณภาพมันต่างกันมากเหลือเกินนี่ครับ)
2. น้ำมันผสม เลือกได้ทั้ง 2 แบบ คือน้ำมันเบนซิล 91 ก็พอ หรือจะใช้ 95 ก็ได้(มันแพงเกินไปหน่อย) หรือน้ำมันโซล่าหรือน้ำมันดีเซลนี่หละ แล้วอย่าพึ่งรีบไปผสมแล้วอยากเอี่ยมไปล้างก่อนล่ะ อ่านให้จบก่อนดีกว่า ผสมผิดคิดจนตายได้ อย่างนี้หละที่เขาเรียกว่า เคล็ดลับ
3. แปรงทาสี ขนาดพอเหมาะสัก 1 นิ้ว หรือ 1.5 นิ้ว , ฟองน้ำล้างรถ (ไม่ต้องใช้แพงๆครับ เพราะมันโดนน้ำมันทีเดียวก็อาจเหลวเสียทิ้งได้เลย) หรือสก็อตไบท์ สำหรับท่านที่คิดว่าเครื่องสกปรกมากๆ
4. ถุงพลาสติก เทปพันสายไฟ หรืออะไรก็ได้ที่ใกล้เคียง คงไม่ได้เอามาใส่ขยะแน่ จุดประสงค์ใช้เปิดตามปลั๊กไฟเพื่อกันน้ำ
5. น้ำยาเคลือบเงา พวก Waxy หรือ Carwash หรือไม่มีจริงๆ ก็พวกน้ำยาครอบจักรวาล Sonax , WD40 หรือใช้ควบคู่กันก็ดีครับ
6. เครื่องเป่าลม เครื่องปั้มลมแรงๆ หรือพวกเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถเป่าลมได้ ยิ่งแรงๆยิ่งดี ใช้ในการเป่าน้ำให้แห้ง
7. น้ำ คงไม่ต้องอธิบายกันมาก

 
 

ขั้นตอนการทำความสะอาด
1. ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ก่อน การล้างครั้งนี้เราต้องใช้น้ำ และน้ำคือสื่อไฟฟ้า อาจจะทำให้เกิดการลัดวงจรต่อระบบไฟหัวฉีด กล่องคอมพิวเตอร์พังได้ (พังมาเยอะ) หรือเกิดไฟช็อตลุกติดน้ำมันผสมได้ (กลายเป็นได้ซื้อรถใหม่ทั้งคัน ) และอย่างน้อยก็ป้องกันคนหวังดี แอบไปสตาร์ทเครื่องในขณะคุณที่กำลังล้างเครื่องอยู่
2. หุ้มพลาสติกปลั๊กไฟ และพวกขั้วไฟฟ้าต่างๆ เช่น ปลั๊กจานจ่าย จานจ่าย คอยล์ ตัวช่วยจุดระเบิด ปลั๊กเซนเซอร์ หัวฉีดต่างๆ ที่พอจะหุ้มได้ กล่องฟิวส์ และปลั๊กไฟที่สำคัญทุกๆ จุด
3. ผสมน้ำมันล้าง กับน้ำยา หาภาชนะมาเทน้ำยาล้างเครื่องลงไปก่อน แล้วใช้น้ำมันเทผสม
การเลือกใช้น้ำมันผสม
น้ำมันดีเซล โซล่า ใช้กรณีที่สกปรกน้อย พวกจุดที่มีฝุ่นผงเกาะ น้ำมันเปื้อนเล็กน้อย คอไอดีที่เป็นอะลูมิเนียม หรือพวกจุดต่างๆที่ต้องการความเงางาม และจุดที่เป็นอลูมิเนียมปัดเงา การผสมน้ำมันดีเซลจะทำให้เกิดความเงางามเพิ่มขึ้น อัตตราส่วนไม่ควรเกิน 2:1 (น้ำยา 2 ส่วน : น้ำมันโซล่า 1 ส่วน) ผสมมากเกินไปจะใสล้างไม่ค่อยออก ผสมน้อยไปก็ล้างไม่ค่อยออกเหมือนกัน
น้ำมันเบนซิล ใช้ในกรณีสกปรกมากๆ จุดที่จะล้างมีคราบน้ำมันเหนียว หรือเป็นคราบแข็งเป็นเวลานานๆ การผสมน้ำมันเบนซิลมีผลในการกัดที่รุนแรงมาก ไม่ควรใช้ทากับพลาสติก จุดที่เป็นสีดำ จุดที่พ่นสีด้วยสีเสปย์ หรือพวกอลูมิเนียมเงา หรือปัดเงา จะทำให้เกิดคราบกัดขาว อัตตาส่วนผสมไม่ควรเกิน 3:1 หรือ 2:1 (น้ำยา 3 ส่วน : น้ำมัน 1 ส่วน) ผสมมากการกัดก็รุนแรงมาก

 

4. ทาน้ำยาผสมล้างให้ทั่ว ใช้แปรงทาสี จุ่ม และค่อยๆทา ถ้าไม่ออกทาแรงๆ ถ้าไม่ออกก็ฟองน้ำ สก็อตไบท์ บรรเลงลงไปเลยครับ นี่หละเคล็ดลับ แต่การใช้สก็อตไบท์ ต้องระวังหน่อย อย่าขัดพวกสีรถ หรือพวกพลาสติก จะทำให้เกิดรอย ใช้ในจุดที่อยากให้ออกจริงๆ ต้องระวัง
5. ใช้น้ำล้างออก ควรใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ เช็ดน้ำยาและคราบออก ตามจุดที่ควรระวังเช่น ฝาครอบสายหัวเทียน สายหัวเทียน ฝาครอบวาล์ว จานจ่าย ตัวช่วยจุดระเบิด กล่องฟิวส์ และจะสำคัญเกี่ยวกับระบบไฟทุกๆจุด และใช้น้ำค่อยๆเทราดไปในส่วนที่ต้องการล้าง ใช้แปรง และฟองน้ำ ควบคู่กันจนออกหมด
6. เป่าลมไล่น้ำให้แห้ง ใช้เครื่องปั้มลม หรือเครื่องดูดฝุ่น(ต่อให้เป็นแบบเป่าลมได้) หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็ไดเป่าผมเนี่ยหละครับ ต้องลงทุนกันบ้างแล้ว เป่าไล่น้ำตามจุดต่างๆ ออกให้หมด เน้นๆพวกปลั๊กไฟ จานจ่าย และหัวเทียน พร้อมแกะพลาสติกหุ้มออกให้หมด และเป่าลมจนน้ำแห้งสนิท
7. ใส่ขั้วแบตสตาร์ทเครื่องได้ เป็นการทดสอบว่ามีน้ำเข้าไปตามปลั๊กไฟหรือไม่ ถ้าเครื่องยังเดินสมบูรณ์ไม่มีปัญหาถือว่าไชโยโอเค ถ้าเกิดสตาร์ทไม่ติด หรือเดินไม่นิ่ง ต้องถอดขั้วแบต และเป่าลมไล่น้ำอีกครั้ง เน้นๆจานจ่าย คอยล์ ปลั๊กหัวเทียน และปลั๊กไฟต่างๆ ถ้าไม่แน่ใจให้ถอดมา แล้วเป่าลมให้แห้ง พ่นน้ำยากันสนิม หรือน้ำยาล้างหน้าคอนแทค ถือเป็นการทำความสะอาดขั้วไฟไปในตัว
8. เคลือบเงา หลังจากสตาร์ทเครื่องอุ่นสักพักจนน้ำแห้งดี รอให้เครื่องเย็นก่อนครับ แล้วใช้น้ำยาเคลือบเงา พวก Waxy มาจุ่มด้วยฟองน้ำ และทาในจุดที่ต้องการให้เงางาม ถือว่าดีที่สุด หรือใช้น้ำมันพวกครอบจักรวาล พ่นเคลือบในจุดที่แห้ง และจะเกิดสนิม ใช้น้ำมันเครื่องกับจารบี ทาหรือหยอดในจุดหมุนต่างๆ เป็นการป้องกันสนิม และหล่อลื่นไปในตัว การใช้น้ำมันเครื่องมาทาให้เงางาม ผลเสียคือฝุ่นจะจับตัวเร็วมาก ถ้าเป็นน้ำมันครอบจักรวาล พวกนี้จะระเหยตัวเร็ว ต้องพ่นเคลือบและเช็ด

 

เสร็จเรียบร้อยแล้วกับการล้างห้องเครื่อง ให้สวยงามและถูกวิธี ขอสำคัญคือทำความสะอาดบ่อยๆ และถือโอกาสตรวจเช็คส่วนต่างของประกอบต่างๆ เช่นท่อน้ำ ท่อน้ำมัน น้ำรั่ว น้ำมันเครื่องซึม สายพาน สายไฟ อื่นๆ ไปด้วยในตัวเลยนะ

 
แค่นี้ก็ประหยัดไปครั้งละ 250 แล้วอ่ะ ถ้าร้านทำดี ๆ บางที่ 500 ด้วยซ้ำ

การ์ตูน ดี ๆ ความสุขคืออะไร











5 อันดับ รายได้รวม"นางเอกดัง" ... ใครสูงที่สุดไปดูกัน

มีการเปิดเผยถึงยอดรายรับของบรรดานางเอกแถวหน้าคนดัง 

แต่แต่มกราคม - ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมาออกมาแล้วผลปรากฏว่า5อันดับนางเอกที่มีค่าตัวสูงที่สุดนั้นมีดังนี้

อันดับ 1 อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ มีรายรับรวมทั้งหมด 54.3 ล้านบาทจาก
โฆษณา หลายตัวเช่น ซัลซิล มีสทีน เพอเวอร์ที ทเวลพรัส ซัมซุง ไทยเด้น และที่กำลังตกลงอีก 1ตัวรวมถึงงานอีเว้น ประมาณ 30 กว่างาน โดยรายได้ดังกล่าวยังไม่รวมรายได้จาก ภาพยนต์ และ ละคร

ในขณะที่ อันดับ 2 ได้แก่ ชมพู อารยา เอฮาร์เก็ต มีรายได้รวม 35.2 ล้านบาทจาก
โฆษณา ซัมซุง รอลีอัล ฟิตเน่ มีสทีน วีไวส์ และ โบลิ่ง
รวมถึง งานอีเว้น ประมาณ 28 กว่างาน และรายได้ดังกล่าวยังไม่รวมละครอีก 2 เรื่อง

อันดับ 3 เเพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์  รายได้รวม 29.6 ล้านบาท

อันดับ 4 เเอน ทองประสม รายได้รวม 26.6 ล้านบาท

อันดับ 5 พลอย เฌอมาล บุญยศักดิ์ รายได้รวม 25.4 ล้านบาท

โอ้ววว!!เห็นตัวเลขแล้วลมจิจับ!!ตาร้อนผ่าวๆด้วยความอิจฉา!!!! 



สาเหตุการชน สรุปล่าสุดและ 'เชื่อถือได้' (จากทีมสืบสวนเหตุการณ์ชนบนถนน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี)

เชื่อหรือไม่อย่างไรก็ ใช้วิจารณญาณค่ะ 
แต่โดยสำหรับเราแล้ว ข่าวนี้เราเชื่อ 80% ขึ้น เป็นไปได้สูงมาก 



ขณะนี้สรุปได้เพียงเบื้องต้นว่า รถเก๋งเสียหลักก่อนจึงจะชนรถตู้ 
และเป็นการชนที่ด้านหน้าไม่ใช่ด้านท้าย ซึ่งสิ่งที่ต้องค้นหาต่อไปคือ 
รถเก๋งเสียหลักเพราะอะไร โดยมุ่งไปที่เหตุผลของคนขับเป็นหลัก เพราะ 
สภาพรถยนต์และถนนไม่บกพร่อง คือ รถไม่ได้ยางแตก ถนนไม่เป็นหลุมบ่อ 
ดังนั้นการเสียหลัก อาจจะมีสาเหตุจากคนขับ เช่น ง่วงนอน รับโทรศัพท์ (บีบี?????????) ฯลฯ 
ซึ่งจำเป็นต้องสอบถามจากคนขับต่อไป รวมถึงการนำภาพจากกล้องวงจรปิดในมุมต่างๆ 
มาพิจารณาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่ตรวจสอบได้จากที่เกิดเหตุ 

ทั้งนี้ในการตรวจสอบซากรถเก๋ง ได้พบรอยสีแดงที่หัวรถด้านซ้าย 
แต่เท่าที่ตรวจสอบพบว่าไม่ใช่สีพ่นรถยนต์ และไม่ใช่สีรถตู้ 
ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นรอยสีที่เกิดขึ้นก่อนหรือหลังอุบัติเหตุ 
นอกจากนี้ในการตรวจสอบซากรถตู้ยังพบว่า ประตูอยู่ในสภาพปิดสนิท 
และเปิดไม่ออกเพราะเสียรูปทรงจากอุบัติเหตุ แต่กระจกหน้าต่างแตกออกหมด 
จึงสันนิษฐานได้ว่า ผู้เสียชีวิตที่หลุดออกมาจากรถน่าจะหลุดออกมาทางหน้าต่าง 

"ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขับรถเร็วและประมาทเป็นสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุในครั้งนี้ 
ฉะนั้นการใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดและไม่ประมาท 
จึงเป็นแนวทางป้องกันอุบัติเหตุในระยะยาว 
นอกจากนี้ในเรื่องของประสบการณ์การขับรถก็มีส่วนสำคัญ 
เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินผู้ที่มีประสบการณ์น้อยก็อาจควบคุมรถไม่ได้ 
ซึ่งในบางประเทศมีการกำหนดว่า ถ้าพึ่งสอบใบขับขี่ผ่านก็จะ 
ห้ามใช้ทางด่วน หรือต้องมีผู้ที่มีประสบการณ์นั่งไปด้วย"นายธวัชชัยกล่าว    

เปิดตัวแฟน เอกราช เก่งทุกทาง ข่าวกีฬา ช่อง 3 (สวยดีกรีนางงามเลย)



คุณเอกราชเปิดตัวแฟนสาว เอออย่างสวยเลย เห็นว่าชื่อ ''น้องนุช-จุฑารัตน์'' ได้รางวัลสาวผิสวยจาก''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2007''







ระวัง! แฉกลโกงไม้จิ้มฟันกับตู้ ATM

กินหมูเต๊ะ ทุกอย่างจะได้เป็นเรื่องหมูๆ


สวัสดี ปีใหม่ครับ หลายท่านคงได้พักกันยาวเราเริ่มตั้งแต่วันศุกร์มาจบกันวันจันทร์ กว่าจะทำงานกันก็วันอังคาร  หลายท่านคงได้เสพสุขกันสุขขีสุขโขกันน่ะครับ ก่อนอื่นคงต้องอวยพรกันก่อน เจ้าพระคู๊ณ... "ขออย่าให้ตกต่ำ ขออย่าให้ป่วย ขออย่าให้ซวย ขออย่าให้จน" มาว่ากันเลยดีกว่าช่วงปีใหม่นี้ ได้ไปเก็บเกี่ยวร้านอาหารมาอีกเพียบ หลายร้านผมลืมไปแล้ว บางร้านเพิ่งเคยกิน บางร้านน้องแนะนำ บางร้านหลายท่านแนะนำมา  เอาเป็นว่าปีนี้จะได้ตามไปชิม  ปีใหม่ปีนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบางสำหรับคอลัมน์ผม "เบย์ลิ้นเทวะ" เราคงได้เห็นภาพที่เคลื่อนไหวกัน พิกัด และแผนที่ หลายที่ที่ไปยากจนต้องหาทางช่วยคนตามไปกินหน่อยครับ  คงสนุกแน่ ทั้งหมดจะเกิดขึ้นปีใหม่นี้แน่นอนคอยรับชมกันนะครับ

ลุยกันดีกว่าร้านนี้ชื่อ "ช่องกี่" เห็นชื่อแล้วเสียววุ๊ย!!! ช่องครับช่อง ไม่ต้องไปคิดมาก ชื่อนี้ได้มาจากเจ้าของร้านที่มาจากเมืองจีน เริ่มต้นจากการเข็นรถขายหมูสะเต๊ะในซอยแถววัดไตรมิตรฯ ทำไปทำมาก็ได้ที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง มาตั้งอยู่ในซอยสุกร 1  ก็ตรงข้ามวัดไตรมิตรฯ นั้นล่ะครับ ครั้งนี้ที่มาเริ่มจากคุณปลาไอบีเอ็มกับน้องๆ ที่ต้องการไหว้พระ 9  วัด แต่ที่ไหนได้ ไหว้พระ 3 วัด กิน 6 ร้าน สรุปได้บุญแต่จุกครับผม ได้มาวัดไตรมิตรฯ ครั้งแรกในชีวิตเห็นองค์พระช่างสวยจับใจเอามากๆ เมืองไทยยังมีอีกหลายที่ ที่เราไม่เคยไปเลย คงต้องลุยกันให้หมดก่อนจะตายครับ

ร้านนี้เขาขายเฉพาะหมูสะเต๊ะอย่างเดียว ยกเว้นวันดีคืนดีจะมีกระเพาะปลาขายบาง เช่นวันที่เราไปกินครั้งนี้ครับ ไม่มีเหมือนกัน เรามาถึงก็ลุยสั่งเลยหมู 20 ไม้ ตับหมูอีก 10 ไม้ หลายคนในคณะไม่เคยกินตับสะเต๊ะ เลยไม่กล้าสั่งมาก ขาดไม่ได้ขนมปังอีก 2  แผ่น ลุยครับ หมูนุ่มมากกลิ่นของเครื่องเทศไม่มากนักพอหอม ได้น้ำจิ้มถั่วที่รสชาติกำลังดี ตัดด้วยอาจาดแล้วที่แก้เลียน ส่วนผสมทั้งหมดลงตัวเอามากๆ  มาตัวสำคัญของผม "ตับ ตับ ตับ" ย่างครับ ไม่เคยเห็นที่อื่นมีน่ะครับ ที่นี้ย่างได้นุ่มพอดี ไม่แห้ง ไม่ดิบ นุ่มๆ ชอบครับ ที่สำคัญไม่ขม ถ้าเลือกตับไม่เป็นก็จบสำหรับเมนูนี้ ขอบอกต้องสั่งเท่านั้น ชอบไม่ชอบอยากให้ลองก่อนจะปฏิเสธ ลองดูครับพี่น้อง

ไปมาสะดวกมากครับ มาตามถนนพระราม 4 เห็นหัวลำโพงอยู่ด้านขวามือตรงไปเหมือนกับจะไปเยาวราช แต่เมื่อข้ามสะพานเล็กๆ ที่ติดกับสี่แยกนั้น ให้เลี้ยวซ้ายไปทางวงเวียนโอเดียน มาอีกสัก 200 เมตรจะมีซอยอยู่ซ้ายมือเขียนว่า "ซอยสุกร 1" เข้าไปกลางซอยร้านอยู่ติดร้านข้าวหมูแดงครับ โทรไปถ้าไปไม่ถูก 0-2236-1171, 0-2233-4100, 0-2639-6584 เปิดร้านตั้งแต่เช้าถึงทุ่มครับผม

จับตา"รถใหม่ 2011"... รุ่นไหนกำลังจะมาไทย

การ มีรถสักคันหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนในบ้านเราที่ต่างต้องทำงานและ เก็บเงินทองจนท้ายที่สุดมันก็จะได้มาเป็นรถที่ให้ความสะดวกสบายในการเดินทาง มากยิ่งขึ้น ในปีที่ผ่านมา มีรถใหมเข้ามามากถึง รุ่น และในปีหน้า เราเชื่อว่าจะมีรถใหม่ๆ ที่รอวันเปิดตัวอีกไม่มากก็น้อย และต่อไปนี้คือรายชื่อรถที่มีแวว่าเราจะได้สัมผัสในปีหน้า

Honda Brio

ออก มาโชว์ตัวเป็นและยืนยันไปแล้วท่ามกลางงาน Motor Expo 2010 และราคาเบื้องต้นที่แจ้งว่า 400,000 บาท อาจจะทำให้หลายคนผิดหวังเล็กน้อย แต่รถ Eco Car ของค่ายนี้ก็เป็นที่สนใจของหลายๆคน และถ้าคุณอยากได้ ช่วงมีนาคมนี้มาแน่นอน
Ford Focus

มี ความคาดการณ์การอย่างมากว่าท้ายที่สุดรถรุ่นนี้จะมาและมันจะทำให้หลายคนค้อ งหันมามาค่ายวงน้ำเงินอีกครั้ง ford focus ใหม่อาจจะเป้นรถที่อยู่นอกกระแสไปสักเล็กน้อย แต่มันก็เป็นรถที่หลายคน ที่ไม่ชอบรถญี่ปุ่นรอคอย
Mazda 3

พี่ น้องค่าย ford ก็เช่นกันและดูเหมือนหลายคนพยายามอดเปรี้ยวไว้กินหวานมากกว่ากับ Mazda 3 ที่จะสวยงามมากยิ่งขึ้นที่มีวางจำหน่ายในเมืองนอกมาได้สักพักแล้วแต่ดู เหมือนว่า มาสด้าบ้านเราจะขอดันรุ่นนี้ให้หมดล้อตเสียก่อน
Nissan Sunny

การ กลับมาอีกครั้งของซีดานชื่อเด็กเป็นที่ รอคอยของใครหลายๆคน และงานนี้มันก็เปิดตัวไปแล้วที่จีน ที่พาให้เราอดอยากที่จะเห็นตัวเป็นๆไม่ได้ และแน่นอนว่ามันมีกำหนดการมาเมืองไทย ส่วนจะเป้นเมื่อไร อย่างไรอันนี้ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด แต่คิดว่าปีหน้าแน่นอน
Proton Neo Turbo

คัน นี้คงจะถูกใจหลายๆคน และแม้จะยังไม่มีข่าวคราวออกมาแต่ที่บริษัทแม่ รถรุ่นนี้ก็ใกล้ได้ฤกษ์ผลิตแล้ว หลังจากที่ Proton แอบพัฒนาระบบอัดอากาศใส่เครื่อง 1.6 ลิตร ซึ่งกล่าวกันว่าจะถูกใช้เป็นขุมกำลังใน Exora และ Neo เราเชื่อว่า CPS อาจจะดีแล้ว แต่ถ้ารถเล็กมี 1.6 เทอร์โบ งานนี้คงสนุกน่าดู
Toyota Etios

คัน นี้ยังไม่มั่นใจเท่าไรนัก หลังบอกจะมาไทยแต่ไปเปิดตัวที่อินเดีย แต่เราได้ข่าวมาแว่วๆว่าค่ายสามห่วงกำลังมีแผนการบางอย่าง ที่จะรุกคืบกลุ่มตลาดเล็กโดยเฉพาะ Vios ใหม่ที่ใกล้ได้ฤกษ์คลอดแล้ว พร้อมกัยข่าวที่น่าเสียใจว่า Yaris 2012 จะไม่มาจำหน่ายในไทยด้วย
Honda Civic (New Model)

เรา คาดว่าจะได้เห็นว่าที่เก๋งคอมแพ็ครุ่น ต่อไปจากค่ายนี้และมันทำให้ตื่นเต้นอย่างมาก หลังจากล้วงลับมานาน ก้กลายเป็นว่าไม่ใช่ หรือนี่เป็นการแก้เกม โยนหินถามทาง เวลาจะเป็นคำตอบให้เราว่า สุดท้ายรถคันนี้มาเป็นยังไง
Mercedes Benz C-Class

คัน นี้น่าจะมาแน่ แต่ช่วงไหนไม่ทราบ เพราะต้องรอเมืองนอกเปิดตัว ซึ่งทางเบนซ์บ้านเราคงจะไม่รอช้าที่จะรีบนำมันเข้ามาจำหน่ายให้เศรษฐีไทยได้ ไปเฉิดฉายกัน
BMW Series 3
นี่ เป็นรถที่หลายคนจับตามองการมา เพราะมันมีอะไรอีกมาที่ทำให้ BMW คิดว่าพวกเขาคุ้มค่าในการตัดวงจรชีวิตของคอมแพ็คซีดานของค่ายลงจาก 8 เหลือ 6 ปี ซึ่งมันทำให้เราตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
นี่ เป็นเพียงรายชื่อรถใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบ้านเราอีกไม่นานนี้ และมันคงจะออกวางจำหน่ายจริงในช่วงปีหน้าโดยประมาณ อาจจะมีบางรุ่นที่คาดเคลื่อนบ้างไปเล็กน้อย แต่ถ้าใครกำลังรอรถใหม่เก็บตังไว้อย่าใจร้อนมันมาแน่ๆ

 Auto comment

ความจริงแล้วยังมีอีกหลายรุ่นที่เราคาดการณ์กันว่ามันคงจะมา แต่ยังไม่ได้รับการยื่นยันมากพอที่เราจะบอกคุณๆได้ว่ารถรุ่นนี้คงมาแน่ๆ 

ถ้ำพระยานคร ความสวยงามที่ซ่อนอยู่

แสงแดดจ้าปลายเดือนตุลาคม ผมเดินข้ามเขาเล็กๆที่เป็นแนวขวางกั้นระหว่างชายหาดของบ้านบางปูกับหาดแหลมศาลา
ขณะเดียวกันเสียงเรือยนต์ข้างล่างที่รับ-ส่งนักท่องเที่ยว
ที่ไปสู่จุดหมายเดียวกันกับผมที่หาดแหลมศาลาก็ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง จุดหมายของทุกๆคนอยู่ที่ ถ้ำพระยานคร
การเดินทางไปหาดแหลมศาลา นั้นไปได้สองทาง
ทางแรกคือ นั่งเรือยนต์ที่คอยบริการ รับ – ส่ง ไปยังหาดแหลมศาลา ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก
ทางที่สอง คือเดินข้ามเขาเล็กๆที่ขวางกั้นอยู่ระหว่างหาดสองหาดระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
ผมเลือกอย่างหลัง ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆไม่ช้าไม่นานก็ถึงหาดแหลมศาลา
จุดหมายปลายทางของการเดินทางของผมในวันนี้ก็อยู่ที่ถ้ำพระยานคร
.
.
.
หลายครั้งที่ได้เห็นภาพถ่ายจากถ้ำพระยานครแห่งนี้พร้อมกับพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์
ครั้งแรกที่ได้เห็นผมถึงกับอุทานออกมา “นี่บ้านเรามีที่ที่สวยงามแบบนี้ด้วยเหรอ?”
ภาพที่สวยงามนั่นแหละที่ทำให้ผมอยากเดินทางมาที่นี่ อยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง
คิดไปคิดมาก็ต้องยอมรับ ที่นี่เป็น Unseen Thailand อย่างที่เขาว่ากันจริงๆ
หาด แหลมศาลาและถ้ำพระยานครเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ เขาสามร้อยยอด ที่นี่มีลานกางเต็นท์และบ้านพักที่อยู่หาดแหลมศาลาด้วย
แต่การเดินทางมาในครั้งนี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะมากางเต็นท์นอนสักเท่าไหร่
เนื่องจากว่าได้ข่าวเกี่ยวกับยุงจำนวนมากที่หาดแห่งนี้ ทำให้การกางเต็นท์นอนตรงนี้ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก และก็จริงดังที่ว่า แค่เพียงผมเดินเล่นแค่ชายป่าสนริมหาด ก็มีฝูงยุงจำนวนมากบินตอมจำนวนยากแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ 10-20 ตัว แต่ที่ผมพบ เรียกว่าเป็นร้อยๆตัวจะดีกว่า
เมื่อมาถึงหาดแหลมศาลาก็ใช่ว่า จะถึงถ้ำพระยานครในทันที
เราต้องเดินขึ้นเขาไปอีกระยะทางประมาณ 430 เมตร ระยะทางเหมือนไม่ไกลเท่าไหร่
แต่หนทางก็ใช่ว่าจะเดินแบบสะดวกสบาย
ทางเดินขึ้นเขาไปตลอดทางผมจึงได้ยินหลายๆคนบ่นไปตลอดทาง รวมทั้งผู้ร่วมทางกับผมด้วย
  
.
.

ระหว่างการเดินทางผมคิดถึงเรื่องราวของที่นี่ซึ่งได้อ่านก่อนเดินทางมาถึงซึ่งเป็นประวัติของถ้ำแห่งนี้
ในช่วงเวลาสมัยรัชกาลที่ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 
ถ้ำพระยานครถูกค้นพบโดย พระยานคร ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งท่านได้แล่นเรือผ่านมาทางเขาสามร้อยยอด 

และได้เกิดพายุใหญ่ ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงได้หยุดพักแรมอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้ และได้ค้นพบถ้ำขนาดใหญ่ 

ด้านบนเพดานมีปล่องขนาดใหญ่ มีแสงส่องเข้ามาด้านบนสวยงามมาก 

ตั้งแต่นั้นมาจึงตั้งชื่อถ้ำนี้ว่า 
“ ถ้ำพระยานคร ” ภายในถ้ำก็ยังมีหินงอกหินย้อย ในคูหาต่างๆที่สวยงามอีกมาก
ใช้เวลาเดินทางมาสักพัก ผมจึงพอมองเห็นปากทางเข้าถ้ำ แต่ระยะทางก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้
ต้องเดินลงเข้าไปในปากถ้ำนี้ลงไปอีก ระยะทางช่วงนี้ชันและลื่นพอสมควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
เสียงนักท่องเที่ยวที่เดินทางสวนมาทักทายมาบ่อยๆ “เดินอีกนิดเดียว จะถึงแล้ว สวยมากๆ”
หลายคนกล่าวกับผมเช่นนี้ เหมือนกันแทบทุกคน นั่นก็ยิ่งทำให้ผมอยากเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ไปเห็นถ้ำพระยานครนี้เร็วๆ
เมื่อลงมาถึงจากทางลาดชันมาที่คูหาแรก เราจะต้องจะเป็นเดินต่อไปหน่อยถึงจะถึงคูหาใหญ่ที่ตั้งของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์
เพียงแค่ที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ผมก็พอมองเห็นพระที่นั่งฯบ้างแล้ว แค่นั้นแหละผมยอมรับว่าผมรีบเดินจ้ำอ้าวไปให้ถึงโดยเร็ว
ผมเดินจนผมลืมที่จะแวะชมสิ่งที่น่าสนใจอื่นเช่น น้ำตกแห้ง สะพานมรณะ ทางสันจเรเข้ ฯลฯ ไปเลย
ลืมแม้กระทั่งที่จะถ่ายรูปมาด้วยซ้ำ
.
.

เบื้องหน้าของผมคือ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เป็นพระที่นั่งที่ องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้างไว้ภายในถ้ำแห่งนี้ เป็นพลับพลาแบบจัตุรมุขขนาดย่อม
กว้าง 2.55 เมตร ยาว 8 เมตร สูง 2.55 เมตร โดยวัดถึงช่อฟ้า
ครั้นเมื่อพระองค์ก็ได้เสด็จมาถึงที่ถ้ำพระยานครแห่งนี้ ก็ได้ลงพระปรมาภิไธยไว้ด้วย
และต่อมาก็มีพระเจ้าอยู่หัวอีก 2 พระองค์ได้เสด็จมาที่ถ้ำพระยานครแห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
นั่นก็คือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7(พระองค์ได้ลงพระปรมาภิไธยไว้เช่นเดียวกัน)
และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
หลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ถ้ำพระยานครแห่งนี้ องค์พระมหากษัตริย์ของไทยถึง 3 พระองค์ได้เสด็จมาที่ถ้ำแห่งนี้แล้ว
นั่นก็ยิ่งทำให้ผมเห็นว่า ถ้ำแห่งนี้นอกจากจะสวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีความสำคัญมากอีกด้วย
ตามความรู้สึกของผมนั้น ที่จริงถ้ำพระยานครแห่งนี้เป็นธรรมชาติที่สร้างสรรค์ได้อย่างสวยงามอยู่แล้ว
คูหาถ้ำที่กว้างใหญ่แต่เบื้องบนเพดานกลับมาปล่องขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนั้นเมื่อแสงแดดสาดส่องลงมา
เพียงแค่นี้ก็สวยงามเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมต้องยอมรับว่า
มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ถ้ำแห่งนี้สวยงามมากยิ่งขึ้นหลายเท่าก็คือ พระกระแสรับสั่งของพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวของเรา
ที่โปรดให้สร้าง พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ขึ้นมาที่นี่ เมื่อทั้งสองสิ่งนี้ผสานเข้าด้วยกัน
บอกได้ตามตรงว่า ผมไม่อาจจะบรรยายความสวยงามของที่นี่ได้จริงๆ ต้องเห็นด้วยตาของตัวเองเท่านั้น
ผมยืนนิ่งอยู่หน้าพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เพ่งมองมองสวยงามอยู่เป็นเวลานาน
โดยไม่ได้ตั้งใจนาทีนั้นจึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า วันที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ตรงกับวัน ปิยะมหาราช พอดี นาทีนั้นเป็นความปีติที่เหลือที่จะกล่าว
.
.
.
จากรูปภาพที่ผมเห็นผ่านหนังสือ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ที่แสนงดงามประดิษฐานอยู่กลางถ้ำ
มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา ความสวยงามนั้น ทำให้ผมอยากมาที่นี่ได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง
ใครจะไปเชื่อว่า กลางป่าแห่งนี้จะมีสถานที่ที่สวยงามแบบนี้ซ่อนอยู่
ความสวยงามที่ผมเองก็ยอมรับว่า ไม่คิดว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ในเมืองไทยของเรา
ขณะอยู่ในถ้ำพระยานคร ผมก็พลันไปคิดถึงสถานที่ท่องเที่ยวอีกสถานที่หนึ่งที่ก็ถือว่าเป็น Unseen Thailand อีกที่เช่นเดียวกัน
ครั้งตอนที่ผมไปทำค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯที่อุทัยธานี
ขากลับอาจารย์พาพวกผมไปแวะที่สถานที่แห่งหนึ่งใกล้ๆกันมีวัดอยู่แถวนั้นพอดี
ผมจำได้ว่าครั้งนั้นหลวงพี่ที่วัดได้พาพวกผมเดินผ่านปากถ้ำเข้าไปข้างในด้วยไฟฉายเพียงกระบอกเดียว
ไม่ช้าเราก็พบกับคูหาขนาดใหญ่ ด้านบนเป็นปล่องขนาดใหญ่มีแสงแดดสาดส่องเข้ามา ป่าไม้ภายในถ้ำแห่งนี้สูงใหญ่
อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง คล้ายกับเป็นป่า ดึกดำบรรพ์
ตอนนี้สถานที่แห่งนั้นกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของอุทัยธานีไปแล้ว ที่นั่นคือ ‘หุบป่าตาด’
ตอนที่พวกผมได้เข้าไปสำรวจในตอนนั้น ที่นี่ไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างทุกวันนี้เลย
เรียกได้ว่าพวกชมรมของพวกเราได้เข้าไปที่หุบป่าตาดเป็นกลุ่มแรกๆเลยก็ว่าได้
.
.
.
ขณะเวลาที่ผมกำลังนั่งเขียนเรื่องนี้อยู่นั้น เรื่องราวของ ถ้ำพระยานครและหุบป่าตาด
ผมยินดีที่จะเรียกสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ว่าเป็น “ความสวยงามที่ซ่อนอยู่”
 ในเมืองไทยผมเชื่อว่ายังมีสถานที่แบบนี้ซ่อนตัวอยู่อีกมาก
และสักวัน สิ่งเหล่านี้คงได้มีโอกาสเผยตัวให้เราเห็นอย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น