วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อยากให้ดู

กำลังใจดีดี ทำให้หัวใจชุ่มชื่น







กลิ่นไอธรรมชาติ ^-^











การผ่าตัดลดความกว้างของใบหน้าหรือ Facial bone contouring

แยกออกได้เป็น

การผ่าตัดลดกราม (Jaw ,mandible, Reduction) มีคำถามที่ตามมาคือ ถ้าอายุยังน้อยสามารถไปตัดกรามได้หรือไม่ คำตอบคือได้ แต่ตัดไปแล้วอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของกระดูกกรามอยู่ตลอดเวลา เพราะกระดูกใบหน้ายังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นจะเป็นการดีที่จะรอให้อายุสัก 28 ขึ้นไป เมื่อกระดูกใบหน้าอยู่ตัวแล้ว และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก ถึงไปตัดกรามค่ะ
การผ่าตัดกระดูกกรามนั้นที่เกาหลียังแบ่งออกได้อีกเป็นสองแบบคือ

- การผ่าตัดลดมุมกราม (Mandible angle resection)



เป็น การตัดมุมกรามและเกรามุมกรามเพื่อให้มุมกรามดูโค้งมนขึ้นไม่เป็นเหลี่ยม ผลจากการผ่าตัดมุมกรามนี้จะมองเห็นได้เมื่อจากด้านข้าง จะกลมมนไม่มีเหลี่ยมเงามากวนใจ เหมาะสำหรับคนที่มีมุมกรามเป็นเหลี่ยมชัดเจนมองด้านข้างแล้วมุมกรามแข็งๆดู ไม่นุ่มนวล
แต่การลดมุมกรามนี้ไม่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงด้านหน้าแต่อย่างใด (ศัลยแพทย์ไทยส่วนใหญ่ผ่าตัดมุมกรามด้วยวิธีนี้)

- การผ่าตัดแยกกระดูกแนวตั้ง (Sagittal splitting osteotomy)


เป็นการผ่าตัดแยกกระดูกด้านนอกออกซึ่งมาสารถลดความกว้างของมุมกรามด้านหน้าลงได้

     ทั้งนี้การผ่าตัดส่วนล่างของใบหน้า(กราม) เพื่อทำให้ใบหน้าดูแคบลงนั้น แพทย์ศัลยกรรมของเกาหลีนิยมผ่าตัดร่วมระหว่างแยกกระดูกกับลดมุมกรามเข้าด้วย กันเพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นความเปลี่ยนแปลง
การ ผ่าตัดลดกรามนั้นเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่แพทย์เกาหลีชอบทำกันจริงๆ ไม่ว่าคลีนิคเล็กๆหรือใหญ่ๆก็จะมีการให้บริการศัลยกรรมลดกรามทั้งนั้น ส่วนเทคนิคนั้น จะเป็นการผ่าจากด้านในปากถัดจากฟันกรามซี่สุดท้าย ซึ่งหลายๆท่านที่สนใจการผ่าตัดกรามคงได้เคยอ่านมาแล้วบ้างจากเวบไทย ของเกาหลีก็คล้ายกันค่ะ จะต่างกันตรงที่เกาหลีถ้าอยากลดความกว้างของหน้าด้านตรง 
จะมีการผ่าตัดแยกกระดูกด้านนอกร่วมด้วย
การ ผ่าตัดกรามจะใช้เวลาในการรักษาตัวหลังผ่าตัดค่อนข้างนาน อย่างน้อยก็สองอาทิตย์กว่าจะลดบวมให้หน้ากลับมาเหมือนกับหน้าปกติ(ก่อนตัด) แต่หลายๆคนอาจจะบ่นว่าทำไมไม่เห็นเปลี่ยนเลย จริงๆแล้วมันยังยุบบวมเรื่อยๆค่ะ บางท่านก็เลยไปถึงสี่เดือนถึงจะเห้นผลก็มี ฉะนั้นใครคิดจะไปผ่าตัดกรามที่เกาหลี เตรียมตัวพักที่นั่นสองอาทิตย์เป็นอย่างต่ำนะค่ะ
    ทีนี้จะทราบได้อย่างไรว่าปลอดภัยหรือเปล่า แพทย์ที่ทำการผ่าตัดกรามจะต้อง ทำการเอ็กซเรย์ใบหน้าส่วนล่างก่อนทำการผ่าตัด จะได้เห็นแนวเส้นประสาทว่าวางพาดมายังไง การจะตัดได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการวางพาดตัวของเส้นประสาท
(เส้นสีดำ ใหญ่ๆในรูปที่วางพาดมาตามแนวฟันค่ะ) จะต้องตัดห่างจากแนวเส้นประสาทนั้นสักสองเซ็นต์ค่ะ



จากรูปเป็นแนวเส้นประสาทสีดำๆตามแนวฟันที่หมอจะพิจารณาร่วมว่าจะตัดได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ


จากรูปคือฟิล์มเอ็กซเรย์แนวเส้นประสาทที่พาดใต้แนวฟันค่ะ อาจจะมองยากนิดนึง

ที นี้แพทย์จะวินิจฉัยว่าใครสมควรตัดหรือมิสมควรตัดอาจจะใช้ฟิมล์เอ็กซเรย์ ควบคู่กันไปด้วย ว่าเส้นประสาทเราอยู่ใกล้ไกลกับแนวกรามแค่ไหน มิฉะนั้นโอกาสที่จะเสี่ยงไปโดนเส้นประสาททำให้ใบหน้าเสียรูปเป็นไปได้สูงมาก ค่ะ ซึ่งทางคลีนิคของเกาหลีแทบทุกที่จะทำการเอ็กซเรย์ตรวจเลือด ตรวจความดันดูความพร้อมก่อนเข้าทำการผ่าตัดอยู่แล้วค่ะ บางคลีนิคก็อาจจะดูเล็กไปสักนิดจนน่าใจหาย แต่มาตรฐานของเขาก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง(ในเรื่องความปลอดภัย) แต่ในเรื่องความสวยงามและสมมาตรนั้น สืบทราบมาว่าโรงพยาลที่ชื่อ ID hospital จะเป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ (สังเกตุนะค่ะบางคลีนิคได้แต่ตัดแต่ลืมคำนึงถึงความเท่ากันระหว่างหน้าซีก ขวากับซ้ายค่ะ) แต่โรงพยาบาลนี้ขึ้นชื่อทางด้านสมมาตร 
และสนนราคาก็แพงใช่ย่อยเช่นกันค่ะ อ้อจะมีล่ามภาษาอังกฤษคอยดูแลอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกันค่ะ 
เวบไซต์โรงพยาบาลค่ะ eng.idhospital.com/sub02/index302.asp  
คุณหมอชื่อ Dr.Park Sang-Hoon คุณหมอพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ

ตัวอย่างแรกเป็นการตัดกรามจาก ID Hospitalค่ะ เป็นการตัดกรามรวมทั้งเลื่อนคาง ทำหน้าให้สมดุลย์ขึ้นค่ะ




ตัวอย่างที่สองเป็นเคสตัดกรามจาก OZ clinic ค่ะ (คุณหมอชื่อพาร์คเหมือนกัน ฮ่าฮ่า หลายพาร์คมากค่ะ พูดภาษาอังกฤษเก่งมากค่ะ)



ตัวอย่างที่สามเป็นการทำให้หน้าสมมาตรขึ้นของ IDHospital ค่ะ



หลังการผ่าตัดผู้ป่วยควรจะบริหารกรามบ่อยๆเพื่อป้องกันกรามล๊อคค่ะ อันนี้คุณหมอที่ทำการผ่าตัดคงจะแนะนำอีกทีเรื่องการดูแลหลังการผ่าตัดค่ะ
ส่วนอีกหลายๆคลีนิคที่มีการผ่าตัดกรามเดี่ยวแนะนำด้านล่างบทความนะค่ะไปอ่านให้เพลินๆทีหลังได้ค่ะ
สนนราคาของโรงพยาบาลนี้ก็แพงเช่นกันค่ะ เริ่มต้น 4500 USD พักโรงพยาบาลฟรีสองคืนค่ะ
ส่วนที่คลีนิคอื่นๆก็อาจจะถูกหรือแพงกว่า บางที่ก็ประมาณ 3500 USD ค่ะ (ราคาต่างชาติ)
การเตรียมตัวรับกับอาการบวมนั้นแนะนำให้กินสมุนไพรที่กล่าวไว้ข้างต้นเพื่อลดการบวมและอักเสบค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้อ ลืมเล่าให้ฟังว่า เคย มีเพื่อนของเพื่อนไปผ่าตัดลดกรามที่ไทยนี่หละค่ะกับหมอชื่อดังท่านนึง ไม่ขอเอ่ยนามนะค่ะ ราคาก็แพง(แสนต้นๆ) แถมผ่าตัดเสร็จจากกรามที่เป็นแค่ข้างละเหลี่ยมกลายเป็นหน้ากระจกสี่เหลี่ยม (นึกออกไหมค่ะว่าการตัดกรามไม่ใช่แค่ตัด จะต้องเกลา กรามด้านข้างให้สวยเนียนไปตามรูปกรามจริงๆด้วย ) แต่หมอท่านนี้สักแต่จะตัดแต่ไม่เกลาให้เขา เลยกลายเป็นหน้าด้านข้างมีข้างละสองเหลี่ยมค่ะ น่าสงสารจริงๆ



ต่อมาขอพูดถึงการผ่าตัด วีไลน์(v-line)   หน้าแบบวีไลน์คือหน้ารูปไข่นั่นเอง คางมนๆ เรียวๆ
การผ่าตัดวีไลน์ก็คือการผ่าตัดช่วงล่างของใบหน้าให้แคบและเรียวลงนั่นเองมีการผ่าตัดรวมสองขั้นตอนค่ะ

1. เป็นการผ่าตัดลดขนาดกราม (ตัดมุมกรามและตัดแยกกระดูกด้านนอกออก)

2. ลดความกว้างของกระดูกคาง

ไม่ขอกล่าวในส่วนของการผ่าตัดลดขนาดกรามนะค่ะเพราะได้พูดแล้วข้างต้น
การลดความกว้างของกระดูกคางดูได้จากรูปชัดเจนเลยค่ะ



สนนราคา ในการผ่าตัดวีไลน์นั้นก็บวกไปสอง เท่าตัวของการผ่าตัดกรามค่ะ(คำนวณดู นะค่ะ ) อาจจะมีส่วนลดในบางคลีนิคถ้าทำการผ่าตัดเกิน 10,000 USD ค่ะ

มาดูรูปตัวอย่างวีไลน์กันเลยค่ะ เป็นรูปตัวอย่างจาก ID Hospital ค่ะ(ที่เอาตัวอย่างจากไอดฮอสพิทัลมา เนื่องจากว่าเห็นเขาว่ากันว่าที่นี่จะเชี่ยวชาญด้านนี้ที่สุดค่ะ


เรา ว่าคางแหลมไปนิดหรือเปล่าค่ะ? แต่ถ้ายิ้มอาจจะกำลังพอดี เอะหรือว่าคางพอดีแล้วแต่ส่วนโหนกแก้มยังกว้างอยู่เลยดูคางแหลม? (ความเห็นส่วนตัวอีกเช่นเคย อิอิ)

-------------------------------------------------

การผ่าตัดลดโหนกแก้ม (Cheek (Zygoma) Reduction) ก็ เป็นอีกวิธีนึงในการลดความกว้างของใบหน้าโดยเฉพาะชาวเอเชียอย่างเราๆ ทีนี้ถามว่าเกาหลีกับไทยต่างกันไหม ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจถึงโครงสร้างโหนกแก้มของเรากันก่อนว่าในการจะลด ความกว้างของโหนกแก้มนั้นมีสามจุด กระดูกโหนกแก้มนั้นจะมีส่วน body และ arch ส่วนบอดี้คือส่วนหน้า (หมายเลข 1) เป็นส่วนที่เพิ่มความนูนของใบหน้าทำให้หน้าเกิดมิติ ส่วนที่ 2 ก็เช่นกัน ซึ่งคนแถบๆเอเชียนั้นจะมีส่วนนี้มากกว่าคนแถวๆยุโรป (สังเกตุได้ว่าคนยุโรปมักจะชอบเสริมโหนกแก้ม ซึ่งเป็นการเสริมส่วนนี้ค่ะ) และ ส่วน 3 คือส่วนด้านข้าง (arch) คือส่วนกำหนดความกว้างของใบหน้าเรานี่ละ


ใน การลดความกว้างและความสูงของโหนกแก้ม นั้นการตัดกรอกระดูกโหนกแก้มมักจะไม่ ได้ผลสักเท่าไรเพราะกระดูกโหนกแก้มเป็นกระดูกที่บาง และอาจจะส่งผลในอนาคตเมื่อกระดูกเราบางลง

การ ผ่าตัดลดโหนก แก้มที่เกาหลีนั้น จะขอกล่าวถึงวิธีที่ทราบว่าเขาทำๆกันนะค่ะ คือเคยได้ยินเพื่อนบอกว่าที่เกาหลีเขาทุบโหนกแก้มกัน (เห็นจากทีวี) อันนี้จากการที่ศึกษามา ไม่เห็นคนไปทุบ ก็เลยไม่แน่ใจสักเท่าไรว่าเขามีกี่วิธี อันนี้ขอกล่าวถึงวิธีทั่วไปที่คลีนิค หรือโรงพยาบาลหลายๆแห่งที่เกาหลีนิยมกัน

หลายๆ คลีนิคก็จะมีการตัดส่วนที่ 1 กับ 3 (หมอบางท่านก็ตัดส่วนที่ 2 ด้วยอย่างเช่นหมอPark ที่ Ozclinic เขากล่าวว่ามันทำให้เมื่อยุบทั้งสามจุดแล้ว ทำให้ดูกลมกลึงขึ้นกว่าการตัดยุบแค่สองจุด ) แล้วเลื่อนกระดูกที่ตัดเข้าไปไปหลังจากนั้นก็ใช้ตัวช่วยในการยึดกระดูกให้ ติดกัน ไม่ว่าจะเป็นสกรู ลวดหรือมินิเพลต (mini-plate)


จากรูปการผ่าตัดแบบติดลวด mini plate,หรือสกรูค่ะ
บาง คลีนิคก็จะทำการผ่าตัดสองทาง คือผ่านทางจอนผมแผลเป็นประมาณ 3 มิลลิเมตร กับเข้าทางปากเพื่อไปตัดส่วนหน้าของโหนกแก้ม บางคลีนิคก็ผ่านทางปากอย่างเดียว (ที่เกาหลีส่วนใหญ่จะเข้าสองทางค่ะ ) หมอไทยก็มีเช่นกัน ที่โด่งดังมีชื่อเสียงได้แก่คุณหมอจรัญ เพราะคุณหมอเป็นหมอท่านแรกที่คิดค้นวิธีการผ่าตัดลดโหนกแก้มผ่านทางปากคนแรก ของโลก(ถ้าจำไม่ผิด)ค่ะ สนนราคาของคุณหมอก็ 90,000 บาทค่ะ ส่วนทางเกาหลีจะเน้นวิธีการผ่าตัดเข้าสองทาง ซึ่งหมอบางท่านก็บอกว่าการผ่าตัดทางจอนผมร่วมด้วยนั้นเป็นวิธีเก่าแล้ว แต่ในทางกลับกันหลายๆท่านเชื่อว่าการผ่าตัดเข้าทางจอนผม(สำหรับการผ่าตัดที่ เกาหลีจะมีแผลเป็นเล็กมากแค่ 3 มิล) ร่วมด้วยนั้นเป็นการลดการกระแทกเนื้อเยื่อต่างๆให้มีการอักเสบและบอบช้ำน้อย เท่าที่สุด ทำไมหรือค่ะ? เนื่องจากว่าการผ่าตัดโหนกแก้มเป็นการผ่าตัดใหญ่ ฉะนั้นจึงต้องระวังการกระทบกรเทือนเนื้อเยื่อต่างๆ และการที่เราไปเซาะแยกเนื้อเยื่อกับกระดูกมากๆนั้น ไม่ได้เกิดผลดีสักเท่าไรค่ะ เนื่องจากหลังผ่าตัดนั้น หลายๆคนมีปัญหาเนื้อหย่อนหลังจากที่ยุบโหนกแก้มแล้ว แต่หมอหลายๆท่านก็แก้ด้วยการยุบโหนกแก้มลงแต่ไม่มากเกินควร 0.5 cm เพราะเชื่อว่ายิ่งยุบน้อยเท่าไรก็ยิ่งมีผลต่อเนื้อหย่อนน้อยเท่านั้น อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณาณนะค่ะ ว่าจะเชื่อแบบไหน

ภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ คือ

- เลือดไหลไม่หยุดและมีอาการบวม
- การติดเชื้อ
- การไม่สมมาตรของใบหน้า (ป้องกันได้ด้วยการผ่าตัดอย่างระมัดระวัง ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยก็สามารถป้องกันปัญหานี้ได้)
- การบาดเจ็บของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงส่วนหน้าผาก ดังนั้นการผ่าตัดเข้าสองทางจึงค่อนข้างจะดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ของเนื้อเยื่อให้น้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บของเส้นประสาทค่ะ

      ทีนี้ถามว่าที่ไทยมีการผ่าตัดแบบไหนบ้าง  ก็ ต้องบอกว่ามีทั้งแบบผ่านจอร์นหู กับแบบเข้าในปาก หรือผ่าตัดทั้งจอนหูและในปากร่วมกัน (ถ้าคิดจะไปปรึกษาคุณหมอที่ไทย ยังไงก็ต้องถามเรื่องนี้ให้เคลียนะค่ะว่าเข้าทางไหนกันแน่ ที่สืบทราบมาคุณหมอจรัญจะผ่าตัดเข้าทางปาก อ้อมีอีกท่านคือคุณหมอจุฑาค่ะ ) และของไทยแท้ต้องติดสกรูค่ะ


จากรูปสกรูสามารถมองเห็นได้ในแผ่นเอ็กซเรย์


จากรูปเป็นฟิล์มเอ็กซเรย์การลดความกว้างของใบหน้า (ลดโหนกแก้ม ตัดกราม ทำวีไลน์) ของ ID Hospital ซึ่งจะมีสกรูติดค่ะ

ลืมบอกไปว่าคลีนิค Oz clinic นั้นการลดโหนกแก้มบนใบหน้าจะไม่ติดสกรูค่ะ

ถ้าถามว่าแล้วมีแบบไม่ติดสกรูด้วยหรอค่ะ ขอ ตอบว่ามีค่ะ หลายๆคลีนิคในเกาหลีคำนึงถึงข้อเสียข้อนี้ดี เพราะหลายๆท่านไม่ชอบความรู้สึกที่ว่ามีสิ่งแปลกปลอมมาติดในหน้าของเรา จึงได้คิดค้นวิธีใหม่เป็นการผ่าตัดแบบไม่ติดสกรู
ทำอย่างไรหรือค่ะ?
คือ การทำการตัดส่วนโหนกแก้มส่วนหนึ่งแบบ incomplete คือตัดแต่ไม่หมด แล้วก็ตัดส่วนที่สามหลังจากนั้นย้ายส่วนที่สามจมเข้าไปในกระดูกด้านข้างๆจอน ผมทิ้งไว้แบบนั้นโดยที่ไม่ต้องติดเหล็ก ลวดหรือสกรูใดๆ หลังจากนั้นร่างกายจะสร้างกระดูกมาสมานส่วนที่ไม่มีการเชื่อมเอง ก็เสร็จขั้นตอนค่ะ
ถาม ว่าแล้วมันดีกว่าหรือเปล่า หมอบางท่านเชื่อว่า (อ้างอิงมาจากคุณหมอ Hong-Cheol Lim จากคลีนิค Mecca Esthetic Clinic www.psmecca.com ) การที่ไม่ติดสกรูนั้นสามารถลดคามกว้างของโหนกแก้มได้มากกว่าการติดสกรูแน่ นอนค่ะ บาง และที่สำคัญไม่มีลวด เหล็ก หรือสกรูอยู่บนใบหน้าเราให้กวนใจค่ะ (เวลาเราไปเอ็กซเรย์ใบหน้าพวกเหล็กลวดอะไรพกนี้เห็นชัดเจนบนฟิล์มเอ็กซเร ย์ค่ะ ) ดูภาพกันเลยนะค่ะ ว่ามันต่างกับแบบสกรูจริงไหม


จากรูปเปรียบเทียบด้านขวา เป็นการติดสกรู ด้านซ้ายไม่ติดสกรูค่ะ จะเห็นได้ว่าด้านซ้ายดูแคบกว่าด้านขวาเล็กน้อย สักประมารสองสามมิล (ถือว่าลดได้เยอะนะค่ะ)
แล้ว ทีนี้ผลหลังจากผ่าตัดหรือค่ะ บางท่านบอกว่าเวลาคลำ(แบบไม่ติดสกรู) เราก็จจะเจอปุ่มกระดูกตรงส่วนที่ไม่ได้ต่อกับส่วนสองนะค่ะ เป็นปุ่มเล็กๆนิดเดียวไม่ก่อให้กิดความรำคาญ ดีกว่าติดสกรูค่ะเพราะไม่อยากไปหาหมอแล้วเจอลวดบนแผ่นเอ็กซเรย์ใบหน้าค่ะ อันนี้แล้วแต่ชอบนะค่ะ
ส่วนสิ่งที่ต้องระวังนะค่ะคือ Sagging skin การหย่อนยานของเนื้อหลังจากผ่าตัดลดกระดูกโหนกแก้ม อัน นี้ให้คำนึงถึงวิธีการผ่าตัดให้ดีอย่าให้คุณหมอไปรบกวนหรือแยกเนื้อเยื่อ กับกระดูกมากไปไม่งั้นอาจจะมีผลหลังผ่าตัดในเรื่องผิวหย่อนค่ะ บางคนก็บ่นหลังจากผ่าตัดแล้วตอนแรกขอให้หมอลดให้เยอะๆ (บางคลีนิคที่ชาวเกาหลีนิยมไปกันอย่างเช่น cinderella มักจะตัดลดแบบเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน จนหน้าเล็กเลยค่ะ ) พอผลที่ออกมาคือหน้าเล็กไปเลยแต่ได้แก้มหย่อนเข้ามาเลยอยากเสริมกระดูกโหนก แก้มกลับไป อิอิ อันนี้พิจารณาคลีนิคดีๆนะค่ะ บางคลีนิคก็ตัดมากเกิน บางคลินิคทำพอดีๆเพราะเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีค่ะ
อีก อันนึงคือ ความสมดุลระหว่างหน้าด้านขวากับซ้าย อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าคุณหมอ Park จาก IDhospital จะเชี่ยวชาญด้านนี้ค่ะ
ส่วนวิธีลดการบวมก็หาอ่านได้จากการลดอาการบวมหลังจากผ่าตัดเสริมจมูกค่ะ
ขอปิดประเด็นเรื่องผ่าตัดโหนกแก้มนะค่ะ ยังไงถ้าสนใจคลีนิคไหนก็หาอ่านได้หลังบทความด้านล่างนะค่ะ เดี่ยวจะเอารายชื่อคลีนิคมาแนะนำกัน
ขอเครดิตรูปภาพใก้กับคุณหมอพาร์ค จากคลีนิค ozclinic มา ณที่นี้ด้วยนะค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

รักแท้นั้นมีอยู่จริง

เจ้า ตัน จุมพิตแฟนหนุ่ม ว่าน หยัง ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคลูคีเมีย จากแพทย์ที่โรงพยาบาลในเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 1ก.พ.ที่ผ่านมา สำหรับคู่รักคู่นี้ ได้พบกันจากการโทรศัพท์ผิดเบอร์ แต่เกิดถูกชะตา จึงสานสัมพันธ์รักต่อกัน และได้เปิดร้านอาหารเล็กๆร่วมกัน แต่พอว่าน หยัง ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แฟนสาวจึงตัดสินใจขายกิจการทิ้งเพื่อนำเงินมารักษาแฟนหนุ่ม และได้กล่าวกับแฟนหนุ่มว่า “เธอจะต้องหายป่วย เพื่อพาฉันไปถ่ายภาพแต่งงานที่เกาะไหหลำตามสัญญานะ”
หวง เต๋อเซิง สามีวัย 104 ปี (ซ้าย) และ เฉิง อินจื่อ ภรรยาวัย 99 ปี ฉลองวันวาเลนไทน์ครั้งแรก ด้วยช่อดอกกุหลาบรูปหัวใจขนาดใหญ่ ที่เมืองเล่อผิง มณฑลเจียงซี

หวัง ซิ่วอวิ๋น (ซ้าย) กำลังรับช่อดอกกุหลาบจากสามีวัย 93 ปี (ขวา) อี้ว์ ซิงเป่า ที่หมู่บ้านคงจยา เมืองจี่หนาน มณฑลซันตง โดยเป็นการฉลองการครองรักอันยาวนานถึง 74 ปี ของคู่รักยืนยงทั้งสองนี้ 

นกแก้วคู่รักในสวนสัตว์เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู กำลังจู๋จี๋กันหวานชื่น 

 ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย ประดับตัวอักษร LOVE 3 มิติขนาดใหญ่หน้าห้าง เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ เช่นเดียวกับห้างร้านอื่นๆ ที่ตกแต่งสร้างบรรยากาศวันแห่งความรักเพื่อดึงดูดลูกค้า 

การแข่งขันจูบมาราธอน ในเมืองพัทยา ซึงมีคู่รักทั้งชาย-หญิง และชาย-ชาย 14 คู่เข้าร่วมทำลายสถิติโลกสำหรับการจูบที่ยาวนานที่สุด ชิงเงินรางวัลกว่า 200,000 บาท และแหวนเพชรอีก 1 วง 

นกฟลามิงโก 2 ตัวหันหน้าเข้าหากันทำให้มองเห็นเหมือนรูปหัวใจ ในสวนสัตว์ฮิกาชิมัตซึยามะ ในจังหวัดไซตามะ ของญี่ปุ่น

บลอนดี้ น้องหมาอิงลิชค็อกเกอร์สแปเนียล และกาตาร์ น้องหมาอเมริกัน สตาฟฟอร์ดเชียร์ เทอร์เรีย เข้าร่วมพิธีแต่งงานกัน เพื่อโปรโมตกฎหมายคุ้มครองสัตว์ในกรุงมานากัว ประเทศนิการากัว

นักรณรงค์เดินแจกถุงยางอนามัย ที่ตกแต่งด้วยคำขวัญรูปหัวใจเรียกร้องให้ผ่านกฎหมายสนับสนุนการสืบพันธ์ ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ขณะที่กฎหมายฉบับดังกล่าวถูกคัดค้านโดยคริสตจักรโรมันคาทอลิก

นักศึกษาชาวปากีสถานมอบดอกไม้ และการ์ดวันวาเลนไทน์ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อฝากไปให้แก่มาลิก มุมตัซ ฮุสเซน กอดรี นักโทษที่รับสารภาพว่าสังหารผู้ว่าการรัฐปัญจาบ นักการเมืองหัวเสรีนิยม ซึ่งสนับสนุนให้ยกเลิกกฎหมายดูหมิ่นศาสนาอันต้องได้รับโทษถึงขั้นประหาร ชีวิต

ผู้ชุมนุมชาวอิรักในกรุงแบกแดดถือป้ายรูปหัวใจขนาดใหญ่สีแดง เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำของพวกเขารักประเทศของตัวเอง ที่ตกอยู่ในภาวะสงคราม มากกว่าช่วงชิงทรัพยากรของประเทศ

การคล้องแม่กุญแจบนสะพานทัมสกี ซึ่งรู้จักกันว่าเป็นสะพานแห่งคู่รัก ในเมืองวรอคลอว์ ประเทศโปแลนด์ โดยหนุ่มสาวจะมาคล้องแม่กุญแจกันเพื่อแสดงความรักของพวกเขา และโยนลูกกุญแจทิ้งลงแม่น้ำโอเดอร์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของรักที่ยั่งยืนตลอดไป

เจมส์ โอลิเวอร์ ผู้ดูแลพิพิธภันฑ์สัตว์น้ำลอนดอน อะควาเรียม ในเมืองหลวงของอังกฤษ เข้าพิธีแต่งงานในตู้ปลากับแฟนสาว โดยมีสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ ทั้งปลา และเต่าร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันวาเลนไทน์

"ห้องช็อกโกแลต" ขนาด 17 ตารางกิโลเมตร ทำขึ้นจากช็อกโกแลตหวานหอมทั้งหมด 300 กิโลกรัม ตั้งแต่พื้นไปจนถึงเพดาน ด้วยฝีมือของช่าง 7 คน จัดแสดงในศูนย์การค้าวิลเนียส ของลิทัวเนีย ซึ่งฝ่ายผู้จัดเผยว่าจะให้ลูกค้าของห้างได้ลิ้มรสห้องช็อกโกแลตนี้แน่นอน

ชาวตูนีเซียอาจจะฉลองวันแห่งความรักแตกต่างออกไป โดยถือป้ายสุขสันต์วันแห่งอิสรภาพ เพื่อฉลองครบ 1 เดือนที่พวกเขาสามารถขับไล่ประธานาธิบดีจอมเผด็จการ เบน อาลี ออกจากอำนาจที่ครองมาถึง 23 ปีไปได้

คู่รักหนุ่มสาวแสดงความรักด้วยการจูบกันท่ามกลางน้ำพุ ณ เรโวลูชัน สแควร์ ในกรุงเม็กซิโก ซิตี เนื่องในวันวาเลนไทน์

คู่แต่งงานใหม่คู่หนึ่งนั่งจักรยานรอบกรุงลิมา หลังเข้าพิธีมงคลสมรสกันแล้วในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะที่ทั่วโลกก็ฉลองเทศกาลนี้กันด้วยดอกกุหลาบ และช็อกโกแลต 

พิธีแต่งงานหมู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นสูงจากพื้นดิน 12,050 ฟุตบนพื้นที่เลิฟแลนด์ สกี แอเรีย ในโคโลราโด ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 20 โดยมีคู่รักมากกว่า 75 คู่ ที่จะร่วมหอลงโลงกันที่นี่ หรือกลับมาระลึกความหลังกันอีกครั้งในเทศกาลแห่งความรัก โดยมีทั้งเชมเปญ เค้ก และดนตรีพร้อมในงาน 

เวเนซุเอลาก็เป็นอีกประเทศที่จัดให้มีการสมรสหมู่ในวันวาเลนไทน์ โดยมีคู่รักนับร้อยคู่เข้าพิธี และฉลองสมรสกันในกรุงการากัส
นอกเหนือหญิงชายที่ร่วมแสดงความรักกันในวันวาเลนไทน์แล้ว ชาวสีรุ้งทั้งหลาย ทั้งเกย์ และเลสเบี้ยนก็ฉลองวันแห่งความรักนี้ด้วย อย่างเช่นที่ในเปรู 

ร้อนๆ ที่ฮาวายกับ "พลอย เฌอมาลย์" ภาพสวย สุดร้อนแรง


“ พลอย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ ” เข้าวงการตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี พัฒนาฝีมือการแสดง โดยมีงานถ่ายแบบแนบติดมาอย่างไม่ทิ้งห่าง และในวันที่ความสาวของพลอยเบ่งบานสะพรั่งชนิดปิดไม่ม ิดเช่นนี้ เธอก็มีงานถ่ายแบบแนวเซ็กซี่ออกมามากมายกับนิตยสารแฟ ชั่นหลายเล่มแต่พลอยยังจำช่างภาพรายแรกๆ ที่มาถ่ายภาพเธอได้ไม่เคยลืม หนึ่งในช่างภาพผู้นั้นชื่อ จอร์จ ” ธาดา วาริช 

15 ปีของการทำงานในวงการบันเทิง จอร์จกับพลอยโคจรกลับมาพบกันอีกครั้ง ในวันที่ "พลอย" เฌอมาลย์เป็นนักแสดงและนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยซึ่ง มีเรือนร่างสวยงาม สายพันธุ์ “เนื้อนมไข่” ที่ไม่ใช่ผอมติดกระดูกเหมือนนางแบบบางคน

ขณะที่ "จอร์จ" ธาดา วาริช เป็นช่างภาพแฟชั่นเบอร์หนึ่งของประเทศ ที่นำเสนอมุมมองความเซ็กซี่ของผู้หญิงผ่านเลนส์ ด้วยมุมมองเฉพาะตัวที่ไม่จำเป็นต้องจงใจปลิ้นนมแหกก้ นอย่างโจ๋งครึ่มเหมือน ช่างภาพบางรายชีวิตการทำงานเขาเริ่มต้นเป็นช่างภาพให้กับ "นิตยสารอิมเมจ" อยู่ 4 ปีเต็ม ก่อนที่ไปร่ำเรียนวิชาถ่ายภาพเพิ่มเติมจากสหรัฐอเมริ กาแล้วกลับมาดังเป็นพลุ แตกที่เมืองไทย

วันนี้... เขาเป็นช่างภาพที่มีนางแบบอยากจะร่วมงานกับเขามากที่ สุดคนหนึ่ง เนื่องจากมีมุมมองในการนำเสนอความเซ็กซี่ที่แตกต่างจ ากช่างภาพคนอื่นๆ

สำนักพิมพ์ In Publishing ระบุให้ "พลอย เฌอมาลย์" เป็นนางแบบปกPhoto Book เล่มที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ นางแบบเล่มแรกคือ "อั้ม" พัชราภา ไชยเชื้อ เล่มที่ 2 คือ "ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต และเล่มล่าสุดนี้ เริ่มทำงานกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน โดยใช้โลเกชันที่ "เกาะฮาวาย"

ทั้งพลอยและจอร์จและทีมงานกว่า 10 ชีวิตเดินทางข้ามน้ำทะเลไปพักแวะที่เมืองโฮโนลูลูในว ันแรก จากนั้นนั่งเครื่องบินข้ามทะเลไปลงที่ Big Island หรือ Hawaii Volcanoes National Park เกาะขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ และ Punalu'u Black Sand Beach ที่สวยแปลกตา

"พลอยว่าหาดทรายสีดำที่ฮาวายมันแปลกดี และไม่ค่อยเห็นใครไปถ่ายแฟชั่นที่นั่นสักเท่าไหร่"

นี่คือ ที่มาของการเล่าเรื่องด้วยภาพ ภายใต้ชื่อ CHERMARN Private by TADA VARICH Photo book เล่ม ใหญ่ที่วางแผงแล้ว หากอยากรู้ว่าการร่วมงานกันครั้งล่าสุดในขณะที่ทั้งส องอยู่ในช่วงพีกสุดๆ เป็นอย่างไร ขอเชิญทัศนาได้ที่รูปด้านล่าง















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น