โบสถ์แห่งการคืนชีพ
หลาย
คนสับสนระหว่างโบสถ์หยดเลือดกับวิหารเซนต์ บาเซิล ว่าอันไหนเป็นอันไหน
วิหารเซนต์ บาเซิลของพระเจ้าอีวานขาโหดนั้นประจำอยู่กรุงมอสโก
แต่โบสถ์หยดเลือดที่เซอต์
ปีเตอร์เบิร์กนั้นเป็นของที่ระลึกถึงพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2
ย้อนกลับดูเรื่องราวที่น่าฉงนก่อนที่โบสถ์หยดเลือดจะเสร็จสมบูรณ์
ว่ากันว่าก่อนที่จะมีโบสถ์อันงดงามอยู่ข้างคลอง Griboyedov นั้น
พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2
ทรงไม่เชื่อคำทำนายของโหรที่ทักว่าไม่ให้จัดพิธีอภิเษกสมรสใน 3 ปีนี้
ภายหลังจากที่พระมเหสีของพระองค์เพิ่งสิ้นพระชนม์ไป
แต่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดรอ์ที่ 2
กลับดื้อดึงจะแต่งท่าเดียวก็ได้แต่งสมใจในช้วงต้นปี 1881
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานพระองค์ก็ทรงถูกลอบปรงพระชนม์ในเดือนมีนาปีเดียวกัน
กลายเป็นที่มของโบสถ์หยดเลือดแห่งนี้
เรื่อง
ราวก็ปลงพระชนม์คงต่อเนื่องจากหลายเรื่องทั้ง
เช่นการที่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์พาประเทศเข้าร่วมสงครามไครเมียและพ่าย
แพ้กลับมา หรือจะเป็นการคิดที่จะปลดปล่อยคนชั้นทาส
ชาวนาและกรรมกรให้เป็นอิสระ
มันทำให้เกิดความไม่พอใจต่อเจ้าขุนมูลนายทั้งหลาย
แถมยังมีกลุ่มชนที่ออกมาต่อต้านอ้างตนว่ารักชาติต่อต้านการปฏิรูปในหลายๆ
ด้านของพระองค์ เรียกได้ว่าทำอะไรก็ไม่พอใจใครสักกลุ่ม
จึงทำให้ถูกลอบปลงพระชนม์นั้นครั้งไม่ถ้วน แต่ก็รอดจนมาถือแผนการณ์สุดท้าย
ขณะเสด็จกลับจากการเยี่ยมกองทหารพระองค์ถูกกลุ่มกบฏขว้างปาระเบิดใส่รถม้า
ที่นั่งบริเวณที่ตั้งของโบสถ์นี้
พระองค์ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสด็จสวรรคตไปในที่สุด
จึง
ทำให้เกิดโบสถ์แห่งการคืนชีพแห่งนี้ขึ้น
จากเงินบริจาคของประชาชนทั่วประเทศรัสเซีย เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อศตวรรษที่
17 ใช้เวลาก่อนสร้างยาวนานว่า 20 ปี เป็นงานศิลปะแบบรัสเซียดั้งเดิม
ประดับประดาด้วยโมเสจพร้อมกับรูปภาพโมเสจขนาดใหญ่ยักษ์เป็นจุดขายของที่นี่
อาจจะมีบางทรงหลุดเสียไปตามกาลเวลาเพราะในช่วงนี้โบสถ์หยดเลือดแห่งนี้
ถูกกลุ่มคนสถาปนาให้ความงดงามของมันเป็นเพียงโรงเก็บมันฝรั่งประจำเมืองใน
ยุคมืดโซเวียต ก่อนจะมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในช่วง 1990
และรัฐบาลก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อปี 1997
ให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมอันงดงามนี้ได้อย่างเต็มตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น