อภิมหาวิหาร เซนต์ไอแซค
อย่างที่บอกเป็นเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเป็นนครที่ใครหลายคนเคยมาแล้วต้องตกหลุมรัก
หากพูดถึงเมืองแห่งนี้คงอดพูดไม่ได้กับอภิมหาสถาปัตยกรรมระดับโลก
"มหาวิหารเซนต์ไอแซค" มหาวิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนป้ายบอกทางว่านี้ละ
เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
รองรับคนที่จะเข้ามาได้ร่วม 10000 คนทีเดียว
วิหาร
เซนต์ไอแซคถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1710
ตามเจตจำนงของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช โดยใช้หินแกรนิตชิ้นเดียวขนานกว่า 118
ตัน จำนวน 48
ชิ้นเพื่อนำมันมาเป็นฐานรองรับโดมที่ใหญ่ติดระดับโลกอีกชิ้นหนัก 67 ตัน
บนพื้นที่กว่า 4000 ตารางเมตร ย
ลำพังระยะเวลาการทำผนังและวางรากฐานนั้นต้องใช้เวลาอย่างต่ำถึง 5 ปี
ด้วยเสาเข็มกว่า 50000 ต้น
เมื่อวัดระยะความสูงจากฐานถึงโดมจะมีขนาดความสูงกว่า 100 เมตร
โดยหินที่ใช้ในการก่อสร้างถูกส่งมาจากน่านน้ำฝั่งฟินแลนด์
มันยากลำบากมากกว่าจะเข้ามาถึงพื้นที่ด้วยน้ำหนักของมันเกินกำลัง
เมื่อมาถึงคนงานก็จัดการใช้เชือกมัดแท่งหินเสาให้ตั้งขึ้น
เสาต้นหนึ่งใช้เวลาดึงขึ้นถึง 45 นาที
เมื่อคำนวณเวลาของแรงงานคนนับเสาต้นใหญ่ได้ 48 ต้นรวมต้นเล็กอีก 112
ต้นจึงไม่น่าแปลกใจซักเท่าไหร่ที่ระยะเวลาการสร้างมันถึงได้นานเพียงนี้
ความวิจิตรของที่นี้คือยอดโดมที่ทำเป็นรูปโงครึ่งวงกลมซ้อนกันใต้โครงเหล็ก
พิเศษ ที่บรรเลงงานฉาบทองบนปลายยอดของโดม
มีการใช้ปรอทผสมทองคำหลอมเทราดลงไปอีกชั้นมันทำให้โลหะที่ฉาบอยู่คงทนและคง
กระพันมาจนถึงวันนี้
ซึ่งกรรมวิธีนี้คร่าชีวิตคนแรงงานไปจำนวนมากตลอดระยะเวลาก่อนก่อสร้าง
เนื่องจากการระเหยสารพิษของเจ้าปรอท
ส่วน
งานภายในเริ่มจากประตูทางเข้าหน้าวิหาร
ทำจากไม้โอ๊กและสัมฤทธิ์มีน้ำหนักถึง 6 ตัน
ด่านในจะประกอบไปด้วยรูปหล่อของเหล่าบรรดานักบุญชื่อดังอยู่ที่ผนังห้องดิน
กว่าหนึ่งล้านใบ เพื่อทำให้เกิดเสียงดังกังวาน
มีการใช้หินอ่อนหลากสีและการละเลงสีน้ำลงไปเป็นงานตกแต่งภายในแต่มันก็ลบ
เลือนตามกาลเวลา
ที่
จะเห็นชัดที่สุดคงเป็นงานแกะสลักมากกว่า
และภายหลังมีการเปลี่ยนมาเป็นประดับประดาด้วยโมเสกแทน เช่น มาคาไคล
ลาปิสลาสุลีสีเขียวโดดเด่นและหินอ่อนคุณภาพดีหลากสีตามด้วยเครื่องตกแต่งที่
ทำด้วยสำริดเครือบทองคำเปลวมูลค่าสูงและหายากมากๆอยู่ในวิหารด้วย
ยังมีงานของศิลปินอยู่ในนั้นอีกมากทั้งภาพปูนเปียก
รูปปูนปั้นแกะสลักถูกใช้แต่งโบสถ์
แต่ที่เด่นที่สุงคงเป็นภาพของแม่มาดอนน่าของช่างเอก
งานทั้งหมดภายนอกและภายในเพื่อความอลังการด้วยช่างฝีมือดีทั่วรัสเซียกว่า
200 คน วิหารแห่งนี้ถูกทำและขยายต่อทั้งหมด 3 ครั้ง กินระยะเวลาถึง 40 ปี
กินเงินหลวงไปจำนวนมหาศาลแต่ผลลัพธ์ของมันวิจิตรเกินกว่าใครจะทำได้อีกครั้ง
วิหารแห่งนี้ใหญ่พอที่จะรับคนร่วม 10000
และ
ใกล้พื้นที่ใกล้เคียงกันกับมหาวิหารไอแซคก็จะมีรูปปั้นที่เรียกว่า The
Bronze Horseman
รูปปั้นแห่งนี้เปรียบเสมือนรูปจำลองของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชที่ได้สร้าง
เมืองแห่งนี้ขึ้นมา
เป็นความตั้งใจของพระนางแคทเธอรีนที่ต้องการสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงบุรุษใน
ดวงใจของพระนาง พระนางแคทเธอรีนสั่งศิลปินชื่อดังจากเมืองน้ำหอม นามว่า
เอเตียง โมริส ฟัลโคเน็ต
ให้ปั้นร่างพระเต้าปีเตอร์ชี้พระหัตถ์ไปยังแม่น้ำเนวา
พร้อมทอดพระเนตรไปทิศทางเดียวกันแสดงถึงปณิธานของพระองค์ที่ทรงหวังว่าเมือง
แห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางและมหาอำนาจใหม่ของยุโรป
ส่วนงูที่อยู่ใต้เกือกม้าหมายถึงภัยร้ายที่ไม่สามารถกลั้นกลายเข้ามาในถิ่น
นี้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น