By กองบรรณาธิการเว็บไซต์
1.ฮวดกั๊วใหญ่ เป็นฮวดกั๊วที่ทำพิธีที่มีอำนาจมากที่สุดในศาลเจ้าแต่ไม่ใช่ว่าจะสั่งพระแบบ ไต้หวันทำ
เพราะคนภูเก็ตจะให้ความเคารพกับพระไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายพระแบบ ไต้หวัน
2.เจ้าหน้าที่ฮวดกั๊ว ก็คือฮวดกั๊วที่คอยช่วยเหลือสิ่งต่างๆคอยแบ่งเบาภาระของฮวดกั๊วใหญ่
3.ฮวดกั๊วทั่วไป โดยมากจะเป็นพี่เลี้ยงพระมากกว่า
ซึ่งการเรียนฮวดกั๊วนั้นมีกฏเหล็กอยู่หลายข้อด้วยกัน ซึ่งแต่ละอย่างนั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ก่อนเท่านั้น เช่นการจะเรียนได้พ่อแม่ต้องอนุญาต ถึงพ่อแม่จะอนุญาตถ้าเรียนกับคนที่วิชาแรงๆ ก็จะเรียนไม่ได้เช่นกัน การเป็นฮวดกั๊วนั้นใช่ว่าจะออกจิ่วอย่างเดียว ก็สามารถเชิญพระได้ ทำอะไรได้ ถ้าจะทำได้ ต้องมอบมือก่อนมิเช่นนั้นก็จะเหมือนเราร้องเพลง ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเมื่อมอบมือแล้วก็สามารถใช้ อ่อเหล่งและฮวดโซะได้ และที่พบฮวดกั๊วเขียนเหล่ง แกะฮวดโซะขาย ก็ต้องมอบมืออีกเช่นกัน แต่ไม่ใช่มอบรวมกับใช่เหล่ง ต้องให้เล่าเอี๋ยมอบมือเขียนเหล่งและมอบมือทำฮวดโซะอีกเช่นกัน ซึ่งคนที่ไม่ใช่ฮวดกั๊วก็จะทำไม่ได้
ฮวดกั๊วและม้าทรงนั้นจะมีหลักการปฏิบัติตัวที่คล้ายคลึงกัน จะว่า เหมือนกันก็ได้มีดังนี้
1.พยายามกินเจทุกโฉ่ยอิดจับหง่อ (วันที่ 1 และ 15 ของเดือนจีนหรือวันพระจีน)
2.หมั่นซงเก้งเรื่อยๆเพื่อเสริมบารมีตัวเอง
3.ไม่กินของเหลือจากคนอื่น(ยกเว้นพ่อแม่)
4.ไม่กินอาหารหรือน้ำหรือขนมที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกับศพ(หรือตามงานศพในวัดจะพบว่า กับข้าวจะตั้งศาลาเดียวกันกับศพถ้าแบบนั้นกินไม่ได้ ถึงจะเอาออกมานอกชายคาแล้วก็กินไม่ได้ เพราะผ่านเข้าไปในชายคาเดียวกันกับศพมาแล้ว)
5.ไม่กินของไหว้กับข้าวหรือของเซ่นไหว้บรรพบุรุษหรือเซ่นไหว้เจ้าที่ เพราะถ้าเราไปกินของชนชั้นเดียวกับเขาแล้วต่อไปเขาจะตีตัวเสมอเรา ซึ่งกรณีนี้รวมถึงอาหารที่เขา โข้กุ้นก็กินไม่ได้เช่นกัน นอกนั้นถ้าเป็นของไหว้เจ้า กินได้ครับ
6.ลด ละ เลิก เกี่ยวกับการพูดจาหยาบคายหรือส่อแววลามก พวกร่วมเพศกับบุพการี หรือ คำไม่เป็นมงคล แต่ถ้า มึง หรือ กู นั้น ยกเว้นครับเพราะว่าสมัยก่อนเขาพูดกันอยู่แล้ว แต่สมัยนี้ขอแนะนำเรียก หลู้แทนมึง อั๊วะว่าแทนกูดีกว่าครับ
7.ไม่คลุกคลีกับพวกวิชาดำ คุณไสย์หรือพวกป่าช้า